รายงานพิเศษ : DMT ขานรับมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว ลดหย่อนภาษี-เร่งภาครัฐใช้งบอบรมสัมมนา หนุนรายได้เติบโตใกล้เคียงไตรมาสก่อน
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธาน ได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในส่วนของการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการทางภาษี ด้วยการนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยวไปหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่เกินคนละ 20,000 บาท
โดยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเมืองหลัก จะสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 1 เท่า ขณะที่เมืองรอง จะสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 1.5 เท่า ซึ่งจะเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-15 ธ.ค.นี้
พร้อมกันนี้จะมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวในส่วนของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งตามปกติจะมีงบสำหรับใช้จ่ายในการอบรม-สัมมนาประจำปีอยู่แล้ว แต่มักจะเป็นการใช้จ่ายในช่วงปลายปีงบประมาณ หรือในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีงบประมาณ ดังนั้น เพื่อให้เป็นการช่วยเร่งฟื้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ จึงมีนโยบายให้เบิกจ่ายงบเพื่อการดังกล่าวภายในเดือนม.ค.69 อย่างน้อย 60% เพื่อช่วงกระตุ้นดีมานด์ระยะสั้นในช่วงนี้
ส่วนการกระตุ้นระยะยาวนั้น จะมีมาตรการให้ผู้ประกอบการโรงแรม-ที่พัก สามารถนำค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพัฒนาโรงแรม-ที่พัก มาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่า โดยระยะเวลาโครงการจะยาวไปจนถึงสิ้นมี.ค.69 ขณะเดียวกัน กรมสรรพสามิต จะปรับลดอัตราภาษีสถานบริการลงจาก 10% ให้เหลือ 5% และประสานงานกับกรมการปกครอง และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกันพิจารณาให้สถานบริการเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอื่น ๆ จากโครงการของรัฐบาลในระยะถัดไป
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ เห็นด้วยในการใช้นโยบายโครงการ Soft Loan ดอกเบี้ยต่ำ ในการกระตุ้นให้โรงแรมรีโนเวท โดยคาดว่าจะใช้งบ ประมาณ 100,000 ล้านบาท โดยให้ธนาคารออมสินเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจะไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน
การเดินทางท่องเที่ยวที่ขยายตัวมากขึ้น ส่งผลดีต่อการให้บริการของ บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) โดย ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ DMT ระบุ แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 3/68 บริษัทฯคาดว่าจะยังสามารถรักษาระดับรายได้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน โดยยังคงมีแรงหนุนจากการเดินทาง และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่การเดินหน้าธุรกิจใหม่ด้านวิศวกรรมและระบบจราจรโดยบริษัทย่อย เริ่มมีบทบาทเสริมรายได้ในระยะยาว
สำหรับปริมาณจราจรเฉลี่ยในไตรมาส 2/2568 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าและจากปีก่อน สาเหตุหลักจากปัจจัยฤดูกาลช่วงสงกรานต์ และผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ รวมถึงการชะลอตัวของการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม หลังจากการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ มีความคืบหน้า และเที่ยวบินต่างประเทศมีแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ คาดว่าปริมาณจราจรจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง