รายงานพิเศษ : HFT ปรับกลยุทธ์รับกระแสรักษ์โลก เร่งพัฒนาสินค้าให้เป็น Green Product หนุนผลงานเติบโตอย่างยั่งยืน
HFT เปิดกลยุทธ์ครึ่งหลังปี 68 เสริมศักยภาพการผลิต-เจาะกลุ่มลูกค้าออนไลน์ เร่งพัฒนา Green Product หนุนเทรนด์ยั่งยืน
ปัจจุบันการผลิตสินค้าประเภทรักษ์โลก ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดย Sustainable products market มูลค่าตลาดทั่วโลกในปี 2024 อยู่ที่ประมาณ 355.3 พันล้านดอลลาร์ คาดว่าจะเติบโตไปถึง 802.6 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2035
และจากผลสำรวจของ PwC พบว่า แม้ประเทศไทยจะมีความกดดันทางเศรษฐกิจ แต่ 58% ของผู้บริโภคไทยยังคงเลือกซื้อสินค้าที่ “ยั่งยืน/รักษ์โลก” และพร้อมจ่ายเพิ่มเฉลี่ยได้ถึง 11.7% เพื่อซื้อสินค้าที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งจากข้อมูล “Thailand Environmental Survey 2025” พบว่า ประเด็นสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นสิ่งที่คนไทยให้ความสำคัญอันดับต้น ๆ แม้จะมีปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพสูงขึ้น และมีข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่า 74% ของผู้บริโภคไทยมีแนวโน้มที่จะเลือกใช้สินค้าหรือปรับพฤติกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม โดย 37.6% กล่าวว่ากำลังมองหาสินค้า “eco-friendly” โดยตรง
แนวทางการทำธุรกิจ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับการเติบโตของโลก รวมทั้งสอดคล้องกับกลยุทธ์ ของ บมจ.ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) (HFT) ที่ในครึ่งหลังของปี 68 มีแผนจัดเตรียมเครื่องจักรเสริมประสิทธิภาพการผลิต รองรับออเดอร์ไหลเข้าต่อเนื่อง ควบคู่เจาะตลาดแพลตฟอร์มออนไลน์เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ วางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เน้น Green Product เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มไลน์สินค้ายางจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รองรับดีมานด์ลูกค้า ดันมาร์เก็ตแชร์เติบโตแข็งแกร่ง
โดย นายโอภาส เจืออรุณประเสริฐ Sales Manager HFT ผู้นำในการผลิตและจำหน่ายยางนอกและยางในสำหรับรถจักรยาน รถจักรยานยนต์ และรถขนส่งขนาดเล็ก ระบุ แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2568 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าจัดเตรียมเครื่องจักร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสำหรับรองรับคำสั่งซื้อยางรถจักรยานยนต์ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังได้ปรับกลยุทธ์การขายและการตลาดเชิงรุกด้วยการปรับราคาขายสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต และคุณภาพที่สูงขึ้น ควบคู่ไปกับการเจาะกลุ่มลูกค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่านการทำโปรโมชั่นและกิจกรรมกระตุ้นยอดขาย เพื่อเข้าถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ที่นิยมการซื้อสินค้าในช่องทางออนไลน์
อีกทั้งยังมองเห็นเทรนด์ธุรกิจในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับ Green Product, Recycle Material และการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางกฎหมายและมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในยุโรปและประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับการบริหารธุรกิจด้วยการยึดหลักความยั่งยืน (ESG)
"บริษัทฯ มีแผนต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่ Green Product ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อตอบรับกับเมกะเทรนด์ และเพิ่มไลน์สินค้าให้มีความหลากหลายและครอบคลุมต่อความต้องการของลูกค้า เพื่อรักษาฐานลูกค้าและเสริมศักยภาพการแข่งขัน รวมถึงเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดทั้งในกลุ่มยางรถจักรยานยนต์และยางสำหรับจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV)" นายโอภาส กล่าว