เปิดจุดเสี่ยง “หุ้นธนาคาร” เมื่อครึ่งปีหลังมีศึกใหญ่ ฉุดผลประกอบการ
แม้ผลประกอบการครึ่งปีแรกของกลุ่มธนาคารไทยออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์และตลาดคาดการณ์ แต่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 นักวิเคราะห์ประเมินว่า “ยังมีความท้าทาย” ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันจำนวนมาก ดังนั้นนักลงทุนต้องจับตา “จุดเสี่ยง” ที่อาจกดดันกำไรสุทธิให้ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน และครึ่งปีแรก

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มธนาคาร 7 แห่งที่ฝ่ายวิจัยศึกษา (BBL, KBANK, KTB, SCB, TTB, KKP, TISCO) รายงานกำไรสุทธิที่ 5.63 หมื่นล้านบาท ดีกว่าฝ่ายวิจัยและตลาดคาด
ทั้งนี้คาดครึ่งหลังปี 2568 กำไรสุทธิจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากครึ่งปีแรก เพราะ 1. การลดลงของ NIM จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยการปล่อยสินเชื่อ (M-Rate) ตามดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลงในช่วงเดือนเมษายน และสิงหาคม 2568
2.การลดลงของสินเชื่อรวม จากธนาคารคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และเน้นที่คุณภาพของลูกหนี้เป็นหลัก 3. การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยฤดูกาล โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่จะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
4. การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) จากคุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มที่อ่อนแอลงจากไตรมาส 2/68 จากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม มองว่ายังเป็นระดับที่ธนาคารบริหารจัดการได้
อย่างไรก็ตาม คาดกำไรสุทธิกลุ่มธนาคารปี 2568 ที่ 2.10 แสนล้านบาท ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 2569 ที่ 2.16 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อีกทั้ง ภาพรวมมอง NIM ปรับลดลง จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง คาดดอกเบี้ยนโยบายลง 3 ครั้ง อยู่ที่ 1.50% ณ สิ้นปี 2568 การขยายไปกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ และการลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ในโครงการ คุณสู้ เราช่วย
ส่วนสินเชื่อรวมคาดลดลง 0.4% ถึงเพิ่มขึ้น 2.2% จากปีก่อน เนื่องจากธนาคารเน้นการปล่อยสินเชื่อกลุ่มที่มีคุณภาพ และ ค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลง จากธนาคารเร่งจัดการคุณภาพสินทรัพย์ตลอดปี 2567
ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับลงมากกว่าคาด เบื้องต้นได้ประเมินผลกระทบภายใต้สมมติฐานอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงทุกๆ -0.25% กระทบเต็มปีในปี 2568-69 พบว่ากำไรสุทธิปี 2568-69 ของกลุ่มธนาคารขนาดกลาง-ใหญ่จะมี downside ประมาณ -5.8% ส่วนธนาคารขนาดเล็กจะมี upside ประมาณ +1.8%
ดังนั้นคงน้ำหนักการลงทุน NEUTRAL สำหรับกลุ่มธนาคาร โดยภาพรวมมองว่าธนาคารคงมีปันผลน่าสนใจ dividend yield คาดที่ 6-9% ต่อปี ภาพรวมปี 2568 มองการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ ทั้งค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) และหนี้เสีย (NPL) เป็นประเด็นหลัก โดยคาดว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นระดับที่ธนาคารสามารถควบคุมได้
ทั้งนี้คง KTB และ SCB เป็น Top Pick โดยแนะนำ “ซื้อ” KTB ราคาเป้าหมาย 28 บาท และแนะนำ “ซื้อ” SCB ราคาเป้าหมาย 145 บาท เพราะคาดสามารถรักษาเงินปันผลระดับสูง และ มีความเสี่ยงทางด้านคุณภาพสินทรัพย์น้อย%20copy.jpg)
ยอดนิยม
GULF ลั่นกรณี KBANK ซื้อหุ้นคืน จำกัดสิทธิ "ซื้อขายหุ้น" ของบริษัทไม่ได้ แม้ KBANK ร่อนหนังสือวอนห้ามจำหน่าย
“พงษ์ศักดิ์” ทุ่ม 3.5 พันลบ. เทนเดอร์ SVI หุ้นละ 7.50 บาท ก่อนเพิกถอนออกจากตลาดหุ้น
“เซียนมี่” รับทรัพย์ 146 ลบ. หลัง “พงศ์ศักดิ์” ทำเทรนเดอร์ หุ้น SVI ที่ราคา 7.50 บาท
โบรกฯ คาด IRPC พลิกมีกำไร ครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส หลังสต๊อกน้ำมันเป็นบวก-GIM พุ่ง