จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : FM โตก้าวกระโดดส่งออกไก่แช่แข็ง อานิสงส์คำสั่งซื้อจากยุโรป-จีน มาตรการภาษีสหรัฐฯกระทบน้อย


11 กันยายน 2568

Krungthai Compass  ระบุภาพรวมการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรในไตรมาส 2 ปี 2568 ขยายตัว 4.2%จากปีก่อน เทียบกับไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 0.2% จากปีก่อน  โดยการส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูปไตรมาส 2 ขยายตัวต่อเนื่อง จากความต้องการนำเข้าของตลาดส่งออกหลัก 

S__7077892_0.jpg

โดยมูลค่าการส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูปไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ขยายตัว 11.2%จากปีก่อน  โดยเฉพาะไก่แปรรูปขยายตัว 7.0%จากปีก่อน จากตลาดส่งออกหลักอย่างสหภาพยุโรปที่ขยายตัว 14.9%จากปีก่อน เพราะความต้องการนำเข้าไก่แปรรูปที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของการท่องเที่ยวและธุรกิจร้านอาหารเช่นเดียวกับการส่งออกไก่สด แช่เย็นแช่แข็งที่ยังขยายตัว 21.1%จากปีก่อน จากการส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น 18.9%จากปีก่อน เพื่อทดแทนไก่เนื้อในจีนจากการระบาดของโรคไข้หวัดนก

สำหรับมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ คาดว่าจะกระทบต่อการส่งออกไก่ของไทยไม่มากนัก เนื่องจากไทยส่งออกไก่ไปสหรัฐฯ เพียง 0.02% ของมูลค่าการส่งออกไก่ทั้งหมดของไทย ขณะที่ประเด็นการเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเกษตรวัตถุดิบอาหารสัตว์จากสหรัฐฯ อย่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และถั่วเหลือง คาดว่าจะส่งผลดีต่อต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่และส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตของธุรกิจปลายน้ำอย่างไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป 

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์นำเข้าจากสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่เป็นพืชดัดแปรพันธุกรรม (GMO) ซึ่งอาจทำให้ต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางการค้า หรือสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่มีความอ่อนไหวต่อประเด็น GMO อย่างตลาดสหภาพยุโรป

ส่วนปี 2568-2569 คาดว่า มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 4,528 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 4,844 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 0%จากปีก่อน และ 7.0%จากปีก่อน ตามลำดับ และปริมาณการส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูปจะอยู่ที่ 1.17 ล้านตัน และ 1.20 ล้านตัน หรือขยายตัว 2.4%จากปีก่อน และ 2.7%จากปีก่อน ตามลำดับ เนื่องจากการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปมีทิศทางฟื้นตัว ตามการเติบโตของการท่องเที่ยวและธุรกิจร้านอาหาร 

ส่งผลให้ความต้องการนำเข้าไก่แปรรูปเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการส่งออกไก่แปรรูปของไทยไปญี่ปุ่นที่ยังขยายตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภคในญี่ปุ่นที่นิยมบริโภคอาหารพร้อมทาน รวมทั้งการระบาดของไข้หวัดนกในญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปจะช่วยหนุนการนำเข้าไก่เนื้อของไทยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการไทยอาจต้องเผชิญการแข่งขันกับบราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกไก่รายใหญ่ของโลกที่มีความได้เปรียบจากการเป็นผู้ผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลืองรายใหญ่ทำให้มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าไทย

ขณะที่การส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งจะยังได้รับผลดีจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกในจีน อีกทั้งยังได้รับผลดีจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ในจีนและเวียดนาม ทำให้มีการนำเข้าไก่เนื้อเพื่อทดแทนสุกรมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับผลดีจากทางการจีนรับรองโรงงานผลิตและแปรรูปไก่แช่แข็งไทยเพิ่มอีก 3 โรง จากเดิมที่ได้รับการรับรองและส่งออกแล้ว 23 โรงงาน รวมเป็น 26 โรงงาน รวมถึงยังต้องติดตามการที่จีนตอบโต้สหรัฐฯ โดยตั้งภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ สูงขึ้น อาจเปิดโอกาสให้ไทยเข้าไปขยายส่วนแบ่งตลาดไก่ในจีน เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นผู้ส่งออกไก่ไปยังจีนเป็นอันดับที่ 2 รองจากบราซิล

การส่งออกไก่ที่ยังขยายตัวได้ดี แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงจากปัจจัยสงครามการค้า  ส่งผลดีต่อธุรกิจของ บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM)  และเป้าหมายการเติบโตในช่วง 3 ปีข้างหน้า  โดยนายสุเมธ  มาสิลีรังสี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน FM  ระบุถึงเป้าหมาย 3 ปี (2568 - 2570) ของบริษัทว่า  จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 65% จากปัจจุบัน 42% รายได้แตะ 10,000 ล้านบาท  โดยปี 2568 วางเป้ารายได้เติบโต 12-15% จากปีก่อน โดยเป็นการเติบโตแบบ ทั้ง Organic และ Inorganic โดย Organic Growth มาจากการขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม Premium และร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ที่เป็น Global Brand ขณะที่ Inorganic Growth บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาการเข้าสู่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง โดยเน้นใช้วัตถุดิบจากไก่เพื่อเพิ่มมูลค่า พร้อมจับมือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ คาดว่าจะชัดเจนภายในปีนี้

"บริษัทฯ มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับที่ดี และบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ พร้อมเดินหน้านำเทคโนโลยีมาปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณการขาย ตลอดจนผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เหลือ 0% อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"

FM