Talk of The Town

SPALI-AP นำทีมอสังหาฯบวก หลังยอดขายช่วง 1 เดือนดีเกินเป้า โบรกฯคาดกำไรครึ่งหลังฟื้นแรง


04 กันยายน 2568

รายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในการซื้อขายช่วงเช้านี้ นำโดยบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ปรับตัวขึ้นมากสุด 8.75% มาที่ระดับ 17.40 บาท รองลงมาบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ปรับตัวขึ้น 4.63% มาที่ระดับ 7.90 บาท และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ปรับตัวขึ้น 5.67% มาที่ระดับ 1.49 บาท วิ่งรับยอดขายดีเกินเป้า จับตากำไรกลุ่มครึ่งปีหลังฟื้นตัวแรง

SPALI-AP นำทีมอสังหาฯบวก_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองว่า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในวันนี้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเด่นทั้งกลุ่ม โดยเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของยอดขายทั้งในกลุ่มแนวราบและคอนโดมิเนียมที่ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมายอดขายทําได้ดีเกินเป้าทั้ง AP และ SPALI

โดยการทําราคาโครงการใหม่ที่ไม่สูงหากเทียบกับผลตอบแทนดอกเบี้ยแล้ว ทําให้เกิดความต้องการที่พักอาศัยของกลุ่มนักลงทุน investor ในการลงทุนและเพิ่มโมเมนตัมยอดขายให้เด่น

พร้อมกันนี้ ยังคงมองการฟื้นตัวของกลุ่มในช่วงครึ่งปีหลังปี 2568 ที่จะมีน้ำหนักมากกว่าของครึ่งปีแรกปี 2568 โดยคาดกําไรของกลุ่มจะเติบโต 42% สู่ 1.2 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและความต้องการที่อยู่อาศัยที่ฟื้นตัว ซึ่งหุ้น Top Pick ยังคงเป็น AP SIRI และ SPALI

ทั้งนี้ แนวโน้มครึ่งปีหลังปี 2568 จะสดใสขึ้น โดยกลุ่มที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างมีนัยสําคัญในช่วงครึ่งปีหลัง โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งมาอยู่ที่ 1.25% ภายในสิ้นปี 2568 อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก GDP ในปี 2569 มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง จึงคาดว่าจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างต่อเนื่องอีก 0.50% ในปี 2569

 และการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV จะมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2569 โดยครอบคลุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยไม่เกิน 10 ล้านบาท สําหรับผู้ซื้อบ้านหลังที่สอง และเกิน 10 ล้านบาท สําหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ครั้งก่อนระหว่างเดือนต.ค. 2564 ถึงธ.ค. 2565  ยอดขายของกลุ่มที่อยู่อาศัยเติบโต 21% ในปี 2565

รวมถึงการลดค่าธรรมเนียมการทําธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. 2568 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2569 โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนลงจาก 2% เหลือ 0.01% และ ลดค่าจดจํานองลงจาก 1% เหลือ 0.01% ทั้งนี้ เงื่อนไขในการได้รับสิทธิ์คือต้องโอนกรรมสิทธิ์และจดจํานองพร้อมกัน ผู้ซื้อต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย และราคาทรัพย์สิน ราคาประเมิน หรือวงเงินจํานองต้องไม่เกิน 7 ล้านบาท

ขณะที่ backlog ของกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ 8.89 หมื่นล้านบาท จะช่วยรองรับรายได้ 65% ที่คาดการณ์ไว้ในปี 2568 คาดว่ากําไรสุทธิปี 2569 ของกลุ่มจะเติบโต 11% จากการควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้นและการจัดโปรโมชั่นลดลง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกและเกณฑ์ LTV ที่ผ่อนคลายลงจะช่วยกระตุ้นยอดขายและหนุนให้กําไรแข็งแกร่งขึ้น