เฉลยสาเหตุ เดือนกันยาอาถรรพ์ ชี้ตลาดหุ้นไทย ให้ผลตอบแทนติดลบ โบรกฯ เตือนให้ถือเงินสดไว้ก่อน
โบรกฯ เผย สถิติตลาดหุ้นเดือนก.ย. ย้อนหลัง 25 ปี มักให้ผลตอบแทนติดลบ เหตุเจอแรงขายจากนักลงทุนสถาบันปรับบาลานซ์พอร์ต เพื่อปรับบาลานซ์พอร์ต
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า เดือนกันยายนผลตอบแทนย้อนหลังตลาดหุ้นใหญ่อย่างสหรัฐฯ (S&P500, NASDAQ) รวมถึง SET Index มักจะไม่สดใสมากนัก โดยเฉพาะหลังจากวิกฤต Dot Com ในปี2000 เป็นต้นมา
โดย 25 ปีย้อนหลัง (2000 - 2025) ดัชนีทั้งสามมีผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐฯ ที่เป็นหุ้นเทคโนโลยีในดัชนี NASDAQ ที่เฉลี่ยติดลบมากถึง 2.06% ในเดือนดังกล่าว ส่วนดัชนี S&P500 และ SET Index มีผลตอบแทนเฉลี่ย -1.51% และ -1.05% ตามลำดับ
และถ้าคำนวณความน่าจะเป็น พบว่าเดือนกันยายนมักจะมีความน่าจะเป็นที่ผลตอบแทนจะติดลบเกิน 50% โดยดัชนีที่มีโอกาสผลตอบแทนติดลบมากที่สุดในสามดัชนีคือ NASDAQ เพราะหุ้นส่วนใหญ่เป็น หุ้นเทคโนโลยี (Technology) และเป็นหุ้นเติบโตจำนวนมาก
ทั้งนี้ ทำไมเดือนกันยายนผลตอบแทนมักจะติดลบ เป็นปรากฎการณ์ September Effect ที่ผลตอบแทนมักจะติดลบ เหตุผลมาจากการปรับพอร์ตเพื่อบาลานซ์ของกองทุนในปลายไตรมาสที่ 3 ทำให้นักลงทุนสถาบันมักจะขายเพื่อปรับพอร์ตก่อนเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 หรือนักลงทุนเริ่มขายเพื่อวางแผนภาษีปลายปี
ส่วนด้านปัจจัยมหภาค เดือนกันยายนเป็นเดือนที่มีการประชุม Fed ครั้งแรก หลังผ่านการประชุมใหญ่ที่เมือง Jackson Hole ซึ่งมักจะเป็นจุดเปลี่ยนนโยบายทางการเงิน ทำให้ตลาดอาจกังวลกับท่าทีของ Fed และจะเป็นช่วงที่มีข่าวเรื่องการผ่านงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ ประเด็น Government Shutdown จะถูกนำมาขยายในช่วงนี้ของทุกปี
สำหรับประเทศไทยเดือนกันยายนเป็นเดือนที่สิ้นสุดปีงบประมาณ และเป็นช่วงที่รัฐบาลจะโยกย้ายข้าราชการ ทั้งทหารและพลเรือน จึงเป็นช่วงที่มีความเปราะบางสูงและมักจะลามไปยังเดือนตุลาคมด้วย รวมถึงการปรับพอร์ตจากกองทุนในประเทศที่เริ่มตอบรับงบไตรมาสที่ 2 ของบริษัทจดทะเบียน และ Outlook ที่ผู้บริหารให้สำหรับปีหน้า
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะดัชนี S&P500 และ NASDAQ เริ่มปรับตัวขึ้นมาสูง และมูลค่าหุ้นเริ่มตึงตัว การเข้าซื้อในช่วงนี้อาจเสี่ยงดาวน์ไซด์ที่มากกว่า อีกทั้งยังมีโอกาสที่ตลาดจะพักฐานครั้งใหญ่อย่างน้อยหนึ่งรอบเพื่อขึ้นต่อ
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ยังแนะนำให้ถือเงินสด (Hold Cash) ไปก่อน ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้อาจต้อง Selective Play เลือกตัวที่เคลื่อนไหวอิงกับดัชนีน้อย กลุ่มหุ้นปลอดภัย หรือหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมาเยอะก่อนหน้านี้แต่พื้นฐานกิจการยังดีและน่าสนใจ ทยอยสะสมไปเรื่อยๆ
ยอดนิยม
_0.jpg)
หุ้นค้าปลีกคึกหนัก! เทรดบนความหวังเลือกตั้งเร็วกว่าคาด? โบรกฯ ชู CPALL เด่นสุดในกลุ่ม
%20copy_0.jpg)
ทองคำวิ่งไม่หยุด! ทุบสถิติใหม่ นักลงทุนแห่ซื้อ รับแรงหนุนทรัมป์–เฟด ผู้เชี่ยวชาญชี้อยู่ในช่วง Bull Run แนะถือยาว
%20copy_0.jpg)
การเมืองความเสี่ยงรอบด้าน โบรกฯ ชี้ หาก “ประชาชน” ไม่โหวต เข้าทาง “ประยุทธ์” หวนเป็นนายกฯ
_0.jpg)
เปิดสถิติหุ้นไทย 5 ปีย้อนหลัง เดือนก.ย.ดัชนีวูบเกิน 2% โบรกฯหวั่นการเมืองไม่ชัด ฉุดวอลุ่มหาย
%20copy_0.jpg)