Talk of The Town

หุ้นแบงก์ Q3 ส่อแววกำไรทรุด ยอดสินเชื่อหด ฉุดรายได้ดอกเบี้ยลด กระทบภาพรวมกำไรสิ้นปีลดลง 3.1%


26 สิงหาคม 2568

โบกรฯ ชี้หุ้นธนาคาร ส่อแววกำไรไตรมาส 3/68 ปรับตัวลง  หลังยอดสินเชื่อปรับตัวลงและเจอผลกระทบปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง กดรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมลง 

หุ้นแบงก์ Q3 ส่อแววกำไรทรุด_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่า จากรายงาน ธ.พ. 1.1. เดือน ก.ค. 2568 ภาพของสินเชื่อของธนาคาร พบว่าสินเชื่อรวมของกลุ่มลดลง 0.6% จากเดือนก่อนหน้า (ลดลง 1.1% จากช่วงเดียวกัน และ 1.1% จากต้นปีถึงปัจจุบัน) 

โดยเป็นการปรับลดลงของทั้งธนาคารใหญ่ (ลดลง 0.6% จากเดือนก่อนหน้า, ลดลง 0.1% จากช่วงเดียวกัน) และธนาคารขนาดกลาง/เล็ก (ลดลง 0.5% จากเดือนก่อนหน้า, ลดลง 5.7% จากช่วงเดียวกัน) จากการสอบถามพบว่าประเด็นหลักคือการชะลอตัวของสินเชื่อบริษัทใหญ่ ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนจากทั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ และแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซาลง ให้ลูกค้าบางส่วนในกลุ่มสินเชื่อบริษัทใหญ่มีการเลื่อนโครงการลงทุนออกไป

ทั้งนี้ หากดูรายธนาคารพบว่าธนาคารที่สินเชื่อปรับลดลงมากที่สุดคือ BBL (ลดลง 1.8% จากเดือนก่อนหน้า,ลดลง 0.5% จากช่วงเดียวกัน) หลังสินเชื่อเกือบทุก Segment ปรับตัวลง สะท้อนนโยบายคุมเข้มสินเชื่อของธนาคาร ประกอบกับลูกค้าสินเชื่อบริษัทใหญ่ชะลอการลงทุนออกไป กดดันให้สินเชื่อของ BBL ปรับลงแรงกว่ากลุ่ม 

ขณะที่ธนาคารใหญ่ที่สินเชื่อถือว่าลดลงน้อยและยังทรงตัว ได้แก่ SCB (เพิ่มขึ้น 0.01% จากเดือนก่อนหน้า,ลดลง 1.9% จากช่วงเดียวกัน) หลักๆ ยังเป็นการเติบโตของสินเชื่อกลุ่มบริษัทใหญ่ 

รองลงมาคือ KTB (ลดลง 0.3% จากเดือนก่อนหน้า, เพิ่มขึ้น 2.4% จากช่วงเดียวกัน) เพราะมีส่วนของสินเชื่อโครงการรัฐฯ เข้ามาเสริมในช่วงใกล้หมดปีงบประมาณ และสินเชื่อบ้านเร่งตัวขึ้นได้ดี ช่วยชดเชยแรงกดดันจากลูกหนี้กลุ่มบริษัทใหญ่และ SME ที่ลดลง และภาพรวมธนาคารขนาดกลาง/เล็ก หลังสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือหนึ่งและมือสองยังชะลอตัว

สำหรับแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 คาดลดลงทั้งจากช่วงเดียวกันและไตรมาสก่อนหน้า กดดันจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ โดยข้อสังเกตที่น่าสนใจคือเงินฝากของกลุ่มที่กลับมาขยายตัวราว 0.4% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ธนาคารไม่ได้นำไปขยายสินเชื่อ แต่ใช้วิธีพักเงินในตลาดเงินแทน 

ดังนั้น ทำให้ผลตอบแทนที่ได้จะไม่สูง ประกอบกับแนวโน้มสินเชื่อรวมที่ปรับลดลง และผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อีกหนึ่งครั้งในเดือน ส.ค. (ปีนี้ลดลงแล้ว 3 ครั้ง) ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับสินเชื่อมีทิศทางปรับลงจากไตรมาสก่อนหน้าต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 

ทั้งนี้ ผลลบดังกล่าวบางส่วนอาจถูกชดเชยด้วยกำไรจากเงินลงทุนที่ปรับขึ้นตามภาวะตลาด และการคุมค่าใช้จ่ายตั้งสำรอง หลังธนาคารใหญ่มีการตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจไว้ล่วงหน้าแล้วในครึ่งปีแรกปี 68 โดยคาดแนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 3/68 จะลดลงทั้งจากช่วงเดียวกันและไตรมาสก่อนหน้า ส่วนทั้งปีกำไรสุทธิของกลุ่มที่ 207,842 ล้านบาท ลดลง 3.1% จากปีก่อนหน้า