รายงานพิเศษ : PREB เดินหน้ารับงานก่อสร้างเชิงพาณิชย์ ดัน Backlog พุ่งกว่า 1.18 หมื่นล้านบาท หนุนรายได้โตเฉลี่ย 10% ต่อปีช่วง 3-5 ปี
การลงทุนก่อสร้างเชิงพาณิชย์ที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจโรงแรม โรงพยาบาล โรงแรม สปอร์ตคอมเพล็กซ์ และคลังสินค้า ผลจากนโยบายของรัฐบาลที่ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การดูแลสุขภาพและการกีฬา ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของ บมจ.พรีบิลท์ (PREB) ที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ มาเน้นการก่อสร้างเชิงพาณิชย์ เพื่อไปสู่เป้าหมายรายได้เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ช่วง 3-5 ปีข้างหน้า
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุการผลิตปูนซีเมนต์ของไทยปี 68 มีแนวโน้มอยู่ที่ 40.1 ล้านตัน (-2.8%YOY) โดยโครงการก่อสร้างภาครัฐที่มีการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน และเดินหน้าโครงการก่อสร้างพื้นฐาน ทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์เทกอง (Bulk cement) เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น
ซึ่งการใช้งานปูนซีเมนต์ ยังมาจากโครงการก่อสร้างภาคเอกชน โดยจะเป็นการใช้งานในการก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่เชิงพาณิชย์ อาทิ โรงแรม, ห้างสรรพสินค้า, พื้นที่ค้าปลีก และโครงการ Mixed-use และ Community mall รวมถึงการปรับปรุงที่อยู่อาศัยหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.68
การใช้ปูนซีเมนต์ที่ยังเติบโตได้ดี ทั้งจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะเมื่อมีแนวโน้มการใช้เงินงบประมาณของรัฐบาลประจำปี 2569 กำลังจะต้องเข้าสู่ระบบในเดือนตุลาคม และโครงการการลงทุนก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค ก็เป็นนโยบายที่สำคัญในการกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนปัจจุบันก็ได้ผลดีจากการปรับอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินเกือบทุกแห่ง เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและกำลังซื้อของประชาชน และยังส่งผลดีต่อการก่อสร้างและการลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
บมจ.พรีบิลท์ (PREB) ในฐานะที่ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง “วิโรจน์ เจริญตรา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PREB ระบุ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 2/2568 มีรายได้รวม 1,175.05 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานรับเหมาก่อสร้างมียอดเพิ่มขึ้น โดยล่าสุด ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปัจจุบัน มียอดงานในมือ (Backlog) สูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 1.18 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า โดยรับรู้ปีนี้ราว 30 - 40%
อีกทั้ง บริษัทฯได้ยื่นประมูลงานรับเหมาก่อสร้างใหม่ ซึ่งเป็นงานก่อสร้างประเภทคอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงานอีกหลายโครงการ รวมทั้งยังมีงานที่รอประมูลใหม่อีกจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
ซึ่งกลยุทธ์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าปรับพอร์ตงานรับเหมาก่อสร้างจากโครงการที่อยู่อาศัยไปสู่โครงการเชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน โรงงาน โรงพยาบาล โรงแรม สปอร์ตคอมเพล็กซ์ และคลังสินค้า เพื่อไปสู่เป้าหมายรายได้เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า
“แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง จากการทยอยรับรู้รายได้งานในมือ รวมถึงบริษัทฯให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนอย่างรัดกุม ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น” นายวิโรจน์ กล่าว