รายงานพิเศษ : SNNP เน้นกลยุทธ์ R&D สร้างจุดแข็งตอบโจทย์ผู้บริโภค ดันรายได้แตะ12,000 ลบ.ใน 5ปี
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ว่า มูลค่าการส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยในปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 1,744 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นราว 1.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยตลาดหลักยังคงเป็นประเทศกลุ่ม CLMV ที่มีสัดส่วนรวมกว่า 67% และการส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลุ่มขนมขบเคี้ยว เช่น ขนมปังกรอบและบิสกิต มีแนวโน้มเติบโต 2.6% แรงหนุนจากพฤติกรรมบริโภคในเมืองที่เร่งรีบ รวมถึงการขยายตัวของร้านค้าปลีกสมัยใหม่เพิ่มจำนวนสาขา โดยเฉพาะไฮเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ ส่วนขนมที่ทำจากสาหร่าย เนื้อสัตว์ และธัญพืชคาดว่าจะเติบโต 1.9% ตามกระแสการบริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เช่น บริโภคโปรตีนมากขึ้น และบริโภคโซเดียมลดลง
บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เป็นผู้ประกอบการมานานกว่า 30 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นจากร้านค้าส่งขนมภายใต้ชื่อ “ศรีวิวัฒน์” ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2515 ต่อมาในปี 2534 ได้ขยายกิจการในรูปแบบบริษัทจำกัด พร้อมจัดตั้ง บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกิมเฮง จำกัด, บริษัท สยามเดลี่ฟู้ดส์ จำกัด และ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เพื่อมุ่งสู่การผลิตและจำหน่ายสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวครบวงจร บริษัทฯ ได้มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และการให้บริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำในใจผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ทั้งในและต่างประเทศ
มั่นใจปี 68 ผลงานโตต่อเนื่อง
“วิโรจน์ วชิรเดชกุล” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มเติมจากเวียดนามซึ่งถือเป็นตลาดหลักของบริษัทฯ ในปัจจุบัน โดยมองเห็นโอกาสการเจาะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง เช่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และจีน ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่มีพฤติกรรมผู้บริโภคสอดคล้องกับจุดแข็งของผลิตภัณฑ์บริษัทฯ ทั้งด้านรสชาติ ความสะดวกในการบริโภค และเทรนด์การดูแลสุขภาพ ทำให้เชื่อมั่นว่าแนวโน้มยอดขายในปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในระดับภูมิภาค
ชูจุดเด่นด้าน R&D
SNNP ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการสร้างสรรค์สินค้าที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านรสชาติ ความแปลกใหม่ และตอบรับกับเทรนด์สุขภาพของผู้บริโภครุ่นใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีความสวยงามทันสมัย ใช้งานสะดวก และสอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมทุ่มงบประมาณในการศึกษาข้อมูลเชิงลึก ทั้งด้านตลาด ช่องทางการจัดจำหน่าย การวิเคราะห์คู่แข่ง และแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายในเชิงลึก ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ
บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
ภายใต้ความผันผวนของราคาวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิต อาทิ น้ำตาล แป้งสาลี น้ำมันปาล์ม น้ำมะพร้าว และวัตถุดิบอื่น ๆ ซึ่งมีการปรับขึ้นลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา SNNP ยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการวางแผนล่วงหน้าและปรับตัวตามสถานการณ์เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการผลิตและการจัดส่งสินค้า โดยนำหลักการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) มาใช้ในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การจัดซื้อ การจัดจ้าง ไปจนถึงการกระจายสินค้า พร้อมผสานแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถส่งถึงคู่ค้าและผู้บริโภคอย่างครบถ้วนและทันท่วงที ส่งผลให้บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิได้อย่างมั่นคง เติบโตต่อเนื่องอย่างมีเสถียรภาพ และพร้อมรับมือกับความท้าทายในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มทุกรูปแบบ
กลยุทธ์การตลาดเสริมแกร่งแบรนด์
SNNP เชื่อว่าการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์ (Brand Value) และเสริมความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบเพื่อสร้างการรับรู้และเชื่อมโยงแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม ได้แก่
1.การตลาดแบบ Above the Line สื่อสารแบรนด์ผ่านพรีเซ็นเตอร์ที่มีภาพลักษณ์ตรงใจผู้บริโภคลงโฆษณาบนโทรทัศน์ ช่องทางดิจิทัล และป้ายโฆษณาในพื้นที่สำคัญ มุ่งเน้นการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างและสร้างการจดจำแบรนด์ในระยะยาว
2.การตลาดแบบ Below the Line จัดกิจกรรมทางการตลาดในพื้นที่จริง เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมโดยตรงกับผู้บริโภค เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจง เช่น Gen Z ผ่านแคมเปญที่สะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวและขยายฐานลูกค้าใหม่
3.การส่งเสริมการขายผ่านช่องทางจัดจำหน่าย (Trade Promotion) เสนอโปรโมชั่นที่หลากหลาย เช่น ส่วนลด ของแถม หรือเพิ่มปริมาณการจำหน่าย กระตุ้นยอดขายในช่วงเวลาสำคัญและสร้างแรงจูงใจให้เกิดการซื้อซ้ำ
เจาะกลุ่ม GEN Z ผ่านสื่อสารสร้างสรรค์
ด้วยสัดส่วนประชากร Gen Z (เกิดระหว่างปี 1997–2012) ที่มีมากถึง 20% ของประชากรไทยทั้งหมด และมีพฤติกรรมการบริโภคที่มีอิทธิพลไม่น้อยไปกว่ากลุ่มอื่น SNNP จึงกำหนดกลยุทธ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า Gen Z อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้แนวทางการสื่อสารที่ทันสมัยและสร้างการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการสื่อสารผ่านพรีเซ็นเตอร์ที่สามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงใจ พร้อมสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจทั้งในรูปแบบ TVC และ Online VDO รวมถึงการดึงอินฟลูเอนเซอร์และกลุ่มแฟนคลับเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตเนื้อหาที่สามารถสร้างกระแสไวรัลบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งแนวทางการสื่อสารดังกล่าวไม่เพียงสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการบริโภคอย่างต่อเนื่อง และขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอนาคตได้ชัดเจน
ตั้งเป้ารายได้ 12,000 ล้านบาทใน 5 ปี
ภายใต้กลยุทธ์การขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ SNNP ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจไว้อย่างชัดเจน โดยมีแผนผลักดันรายได้รวมแตะระดับ 12,000 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้วยแรงขับเคลื่อนหลักจากแบรนด์สินค้าเรือธง ได้แก่ “เจเล่”, “เบนโตะ”, “โลตัส” และ “เมจิกฟาร์ม” โดยมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวใกล้เคียงกับปัจจุบัน ซึ่งยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม ขณะที่โครงสร้างรายได้ในปี 2571 คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากตลาดภายในประเทศราว 60% และต่างประเทศอีก 40% โดยมีการเติบโตต่อเนื่องในภูมิภาค CLMV ซึ่งจะคิดเป็นสัดส่วน 70–75% ของรายได้จากการส่งออกทั้งหมด สะท้อนความสำเร็จของ SNNP ในการวางรากฐานธุรกิจระหว่างประเทศ และความสามารถในการขยายตัวในตลาดที่มีศักยภาพสูง
ซื้อหุ้นคืน 750 ล้านบาท เสริมความเชื่อมั่นนักลงทุน
SNNP ได้ดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) โดยมีวงเงินสูงสุดไม่เกิน 750 ล้านบาท ครอบคลุมจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 6.25% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของกลุ่มบริษัทฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และตอกย้ำความมั่นคงของสถานะทางการเงิน สะท้อนความมั่นใจของบริษัทฯ ต่อศักยภาพในการสร้างผลกำไรในระยะยาว และเป็นอีกหนึ่งมาตรการสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโตอย่างมั่นคง พร้อมส่งเสริมความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนในตลาดทุน ซึ่งการซื้อหุ้นคืนดำเนินการผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2568 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โบรกฯ แนะนำซื้อ SNNP เคาะเป้า 15.50 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมินแนวโน้มผลประกอบการ SNNP ในไตรมาส 2/2568 ว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนและจากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยด้านฤดูกาลและกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทาง MT ซึ่งเน้นการใช้ Influencer 2 คู่ ส่งผลให้ยอดขายรายสัปดาห์ในเดือนเมษายนพุ่งแตะระดับ New High
ทั้งนี้ คงประมาณการรายได้รวมทั้งปี 2568 เติบโต 6% เท่ากับ 5,286 ล้านบาท พร้อมคาดว่ายอดขายในประเทศจะขยายตัว 10% และต่างประเทศโต 20–25% กำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่อง 8% เท่ากับ 708 ล้านบาท บนฐานในระดับ New High และคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับหุ้น SNNP ด้วยราคาเหมาะสมที่ 15.50 บาท