Talk of The Town

2 หุ้นนิคมฯ เจอแรงกดดันหนัก เมื่อภาษีทรัมป์ทำไทยเสียเปรียบรุนแรง ฉุดต่างชาติเมินลงทุน เบนเข็มไปประเทศอื่น


09 กรกฎาคม 2568

WHA-AMATA โบรกฯมองยอดขายที่ดินมีความเสี่ยง เหตุเจรจาภาษีไทยกับสหรัฐฯเป็นอัตรารุนแรง อาจทำต่างชาติเบนเข็มลงทุนออกจากไทย พร้อมแนะหุ้นยังไม่น่าสนใจ แม้ราคาหุ้นต่ำกว่าพื้นฐาน

2 หุ้นนิคมฯ เจอแรงกดดันหนัก_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่าสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าจากจีน 55% ส่วนจีนเก็บภาษีจากสหรัฐฯ 10% สหรัฐฯ จะอนุญาตให้นักศึกษาชาวจีน เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ส่วนจีนจะจัดส่งแร่หายากให้สหรัฐฯ มองว่าแม้มีการเก็บภาษีที่สูงกว่าไทย แต่ยังมีข้อกำหนดอื่นๆที่เอื้อประโยชน์กันอยู่บ้างสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าจากเวียดนาม 20% (สินค้าส่งผ่าน 40%) นำเข้าจากสหรัฐฯ 0% เป็นโมเดลที่สหรัฐฯต้องการต่อประเทศอื่นๆ

ขณะที่ไทยยังเจรจาไม่สำเร็จทำให้โดนบังคับใช้ 36% เริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค. 68 ถือว่าโดนอัตราภาษีฯค่อนข้างสูงเทียบกับกลุ่ม แม้สหรัฐฯเปิดให้เจรจาแต่ไทยต้องเปิดเศรษฐกิจมากขึ้นและไม่ใช้ภาษีต่อสหรัฐฯ แต่ยังมีความไม่ชัดเจนว่าจะสร้างความได้เปรียบเมื่อเทียบกับเวียดนามได้หรือไม่ ทำให้ปัจจุบันตลาดฯกังวลว่าไทยยังคงมีความเสี่ยงที่จะเสียเปรียบในด้านนโยบายการค้า ส่งผลกระทบต่อการขยายการลงทุนเข้ามายังไทย

สำหรับความเสี่ยงต่อเป้ายอดขายนิคมในไทยการปรับใช้ Tariff ที่สูงขึ้น รวมไปถึงการเตรียมการจำกัดชิปขั้นสูงจากสหรัฐฯจะทำให้ความน่าสนใจต่อการขยายการลงทุนเข้ามายังไทยลดลง มีความเสี่ยงต่อเป้ายอดขายนิคมในไทยปีนี้ซึ่งจะมีกระทบต่อยอดโอนในปีถัดไป 

โดย WHA ได้ตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 2,350ไร่ ไทย 1,700 ไร่ เวียดนาม 650 ไร่ และ AMATA ได้ตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 3,500 ไร่ ไทย 2,500ไร่ เวียดนาม 500 ไร่ และลาว 500ไร่ ในช่วงที่ยังไม่มีความชัดเจนต่อผลของการเจรจาเราให้น้ำหนัก “ลงทุนน้อยกว่าตลาด”

ทั้งนี้ แม้ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาพื้นฐาน แต่ยังไม่เลือกเป็น Top pick ในช่วงนี้ โดย WHA คาดว่าผลประกอบการปีนี้โดดเด่นในช่วงไตรมาส 1/68 และ 4/68 จากการโอน Big lots ลูกค้า Data center รายใหญ่ ยังคงประมาณกำไรปี 68 ไว้ที่ 5,488 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% จากปีก่อน ปรับ P/E ให้เป็นปัจจุบันลงมาที่ 9.4 เท่า ปรับราคาพื้นฐานลงมาที่ 3.54 บาท ซึ่งอัพไซด์จากราคายังไม่น่าสนใจแต่มีผลตอบแทนปันผลเข้ามาช่วย คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ส่วน AMATA คาดว่าผลประกอบการจะโดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลังปี 68 จากการสะสม Backlog ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงยังคงประมาณกำไรปี 68 ไว้ที่ 3,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อนหน้า พร้อมกับปรับ P/E ให้เป็นปัจจุบันลงมาที่ 5.0 เท่า ปรับราคาพื้นฐานลงมาที่ 15.20 บาท และอัพไซด์จากราคายังไม่น่าสนใจ แต่มีผลตอบแทนปันผลเข้ามาช่วย คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ทั้งนี้ จากข่าวปัจจุบันน่าเป็นจุดต่ำสุดแล้ว ในช่วงระหว่างการเจรจากับสหรัฐฯ หุ้นกลุ่มนิคมอาจเทรดใน P/E ที่ต่ำกว่าเฉลี่ย คาดหวังการเจรจาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากนี้ หากนโยบายการค้าเป็นที่แข่งขันต่อประเทศเพื่อนบ้านได้จะช่วยให้หุ้นกลุ่มนิคมเทรดใน P/E ที่สูงขึ้น