PTTGC-IVL ปิโตรฯ ตื่น! Q3 เป็นโอกาสทอง “เข้าสะสม”

แม้เศรษฐกิจโลกจะมีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ แต่ไม่ใช่เวลาตื่นตระหนกสำหรับนักลงทุนที่มองไกล ล่าสุด นักวิเคราะห์มองว่า การชะลอตัวครั้งนี้อาจเป็นจังหวะเข้าทยอยสะสมหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีอย่าง PTTGC และ IVL หลังประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์ปิโตรเคมีจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 4  อีกทั้งราคาหุ้นยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางปัจจัยพื้นฐาน จน PBV แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าทศวรรษ นับตั้งแต่วิกฤตปี 2551

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวในช่วง 3 เดือนข้างหน้า แต่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4/68 รวมทั้งอุปสงค์ปิโตรเคมีจะทยอยฟื้นตัวในไตรมาส 4/68 หนุนให้ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีปรับตัวขึ้น โดยส่วนต่างราคาปิโตรเคมีในปัจจุบันยังต่ำกว่าจุดคุ้มทุน จึงมองว่าดาวน์ไซด์มีจำกัดและกลุ่มปิโตรเคมีซื้อขายที่ PBV ปี 2568 เพียง 0.5 เท่า ต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกปี 2551

ทั้งนี้แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีแนวโน้มชะลอตัวในไตรมาส 3/68 และกดดันตลาดหุ้นในระยะสั้น แต่มองว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี เพราะราคาหุ้นมีแนวโน้มฟื้นตัวไปพร้อมกับเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 4/68 ที่จะเริ่มฟื้นตัว ดังนั้น จึงปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนจาก ต่ำกว่าตลาด เป็น เท่ากับตลาด โดยยังคงคำแนะนำ ซื้อ หุ้น IVL และ PTTGC

ขณะที่บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน PTTGC พบว่า นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ ” ราคาเหมาะสม 21.70 บาท โดยราคาฟื้นฐานมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นจากการ Re-rating Valuation หลังการเจรจาการค้ามีความคืบหน้าไปในทางที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ประมาณการปี 2568 พลิกเป็นกำไรสุทธิ 1.2 พันล้านบาท คาดช่วง ครึ่งหลังปี 2568 จะฟื้นตัวจากครึ่งปีแรก เนื่องจากปริมาณการใช้วัตถุดิบ Ethane เพิ่มขึ้น, รับรู้ประโยชน์จากมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น, ไม่ต้องรับรู้ภาระขาดทุนจาก Vencorex France และ TDI รวมทั้งโอกาสบันทึกกำไรพิเศษกลับรายการด้อยค่าจากการจำหน่ายสินทรัพย์ Vencorex ไทย สหรัฐฯ และการแปลงสินทรัพย์ (Asset Monetization) ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ

ขณะที่ IVL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรหลักไตรมาส 2/68 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และพลิกกลับเป็นกำไรเมื่อเทียบไตรมาสก่อน หนุนโดยปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น (ไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงและเป็นช่วงพีคซีซั่นของ PET), ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น, และการลดต้นทุนจากการจัดการสินทรัพย์ โดยคาดปี 2568 จะพลิกมีกำไรสุทธิ 5,657 ล้านบาท เทียบปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 19,262 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24 บาท