Smart Investment

ชำแหละโครงสร้างตลาดหุ้นไทย รายย่อยแพ้ทาง HFT ทุกมิติ เสียงเตือนใกล้ล้นตลาด


29 มิถุนายน 2568

ในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยเริ่มสั่นคลอน จากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ในระบบการซื้อขาย หนึ่งในปัจจัยหลักคือบทบาทของ “High-Frequency Trading” (HFT) หรือการเทรดอัตโนมัติความถี่สูง ที่กำลังกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ของตลาด โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ

ชำแหละโครงสร้างตลาดหุ้นไทย_S2T-(เว็บ).jpg

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายของโปรแกรมเทรดในบางหลักทรัพย์ เช่น HMPRO สูงถึง 53.14% ของทั้งวัน โดยส่วนใหญ่เป็น HFT ทั้งสิ้น

ขณะที่ “นักลงทุนรายย่อย” กลับต้องเผชิญต้นทุนที่สูงกว่าอย่างชัดเจน

- รายย่อยทั่วไป ค่าคอมฯ 0.15–0.25% เครื่องมือไม่มี ความเร็วต่ำ ไม่มีสิทธิพิเศษ

- รายใหญ่ ค่าคอมฯ 0.10–0.15% เครื่องมือมีบางส่วน ความเร็วปานกลาง สิทธิพิเศษมีทีมวิเคราะห์

- กองทุน ค่าคอมฯ 0.05–0.12% เครื่องมือ DMA + Algo ความเร็วสูง สิทธิพิเศษ Multi-account

- HFT/โปรแกรมเทรด ค่าคอมฯ <0.01% เครื่องมือ Co-location ความเร็วสูงมาก แมทช์ในมิลลิวินาที

พฤติกรรมการ “วนเทรด”  หรือเทรดหลายรอบด้วยหุ้นจำนวนน้อยแต่สร้างวอลุ่มมาก เป็นกลไกหนึ่งที่ถูกวิจารณ์ว่าอาจกดดันราคาหุ้นได้อย่างผิดธรรมชาติ หากทำโดยผู้ไม่มีหุ้นอยู่จริง หรือทำเพื่อลวงตาตลาด ซึ่งหากเป็นนักลงทุนทั่วไปทำ อาจเข้าข่ายปั่นหุ้น แต่ HFT กลับไม่ถูกจำกัดในลักษณะเดียวกัน

นักลงทุนและเพจการเงินหลายแห่ง เช่น “การลงทุนเพื่อเกษียณอย่างมีความสุข” เรียกร้องให้ผู้กำกับดูแลพิจารณาปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียม เช่น การขึ้นค่าคอมมิชชั่น HFT ให้สูงกว่าปกติ (คล้ายจีน) เพื่อลดแรงจูงใจในการเทรดวนแบบความเร็วสูง

ข้อเสนอเหล่านี้ชี้ว่า หากปล่อยให้ HFT คุมเกมต่อไป รายย่อยจะหายจากระบบเรื่อย ๆ และสุดท้าย “เหยื่อหมด ตลาดหยุด”

สัญญาณเตือนชัดเจนขึ้นทุกวัน!!!

สัดส่วนของ HFT เพิ่มจาก 30% → 40% → ล่าสุดทะลุ 50%

แต่วอลุ่มตลาดรวมกลับลดลงต่อเนื่อง...นักลงทุนกำลังหายไปทีละกลุ่ม

...อีกด้าน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับมาตรการเพื่อยกระดับการกำกับดูแลและเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุน โดยกำหนดให้ผู้ลงทุนกลุ่ม High-Frequency Trading (HFT) สามารถซื้อหลักทรัพย์ได้เฉพาะหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง เพื่อลดความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ขนาดกลางและเล็กที่อาจไม่มีสภาพคล่องในการซื้อขายอย่างเพียงพอ

ห้าม HFT เทรดหุ้นนอก SET100  ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป โดยกำหนดหลักทรัพย์ที่ผู้ลงทุนกลุ่ม HFT สามารถซื้อได้ ดังนี้ หลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญ รวมถึงหลักทรัพย์ที่บุคคลต่างด้าวเป็นผู้ถือ (-F) และ NVDR ได้แก่ หุ้นในดัชนี SET100 หุ้นอ้างอิงของ DW และ Single Stock Futures ที่อยู่ในดัชนี SET100

ทั้งนี้ หากหุ้นอ้างอิงดังกล่าวถูกนำออกจากดัชนี SET100 ให้ซื้อหุ้นอ้างอิงนั้นต่อได้จนกว่า DW จะหมดอายุ หรือ Single Stock Futures ไม่ได้มีการซื้อขายอยู่ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแล้วหลักทรัพย์ประเภทอื่น ได้แก่ DW, DR และ ETF

อึ้ง! ไม่สนผลเฮียริ่ง

คนในแวดวงตลาดทุนงงเป็นไก่ตาแตก เพราะในการเปิดรับฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้อง (Public Hearing) ปรากฏว่า ทั้งโบรกฯและกองทุนเสนอให้ห้ามขายชอร์ต และอนุญาตให้ใช้โรบอทเทรด (HFT) เฉพาะหุ้นใหญ่25 ตัวแรก หรือ SET50 เท่านั้น

...แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯให้ชอร์ตและเปิดทางให้บอทเทรด HFT ได้ในหุ้นใหญ่ทั้ง SET100 (โดยเพิ่มเติม DW DR ด้วย)

อึ้งมั้ยล่ะ!

ชำแหละโครงสร้างตลาดหุ้นไทย.jpg

HFT