จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : HFT มั่นใจจุดแข็งบริษัท คุณภาพสินค้า-ฐานลูกค้า OEM แกร่ง หนุนคำสั่งซื้อโตต่อเนื่อง


23 มิถุนายน 2568

แม้ยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้จะชะลอตัวลง แต่ตลาดต่างประเทศ ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทำให้อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะยางล้อรถ  ซึ่งมีรายงานว่า ปี 2022 ตลาดยางรวมทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อยู่ที่ประมาณ 380 พันล้านบาทและเติบโตเฉลี่ย 3% ต่อปี 

HFT มั่นใจจุดแข็งบริษัท_รายงานพิเศษ (เว็บ)_0.jpg

ขณะที่รัฐบาลก็ส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยืนยันว่า การผลักดันการลงทุนในอุตสาหกรรม EV เป็นส่วนสำคัญของการรักษาความเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของอาเซียน 

ซึ่งอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมจากรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) สู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามแนวโน้มโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ที่ต่างแข่งกันดึงการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ ประเทศไทยจึงต้องช่วงชิงการเป็นฐานผลิต EV ในทุกเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นไฮบริด (HEV), ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV), Range-Extended EV (REEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV)

ส่งผลดีต่อผลิตภัณฑ์ของ บมจ.ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) (HFT) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางนอกและยางในสำหรับรถจักรยาน รถจักรยานยนต์ และรถขนส่งขนาดเล็ก 

แม้ว่าจะเผชิญกับช่วงสภาวะเศรษฐกิจและการส่งออกที่ชะลอตัว แต่บริษัทฯ ยังคงได้รับคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีออเดอร์ถึงไตรมาส 3/68 แล้ว สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของฐานลูกค้าและความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์

ขณะเดียวกันบริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ดำเนินการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปและเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร

ส่วนช่วงครึ่งหลังของปี 2568 บริษัทฯ อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์การแข่งขันในตลาดฟิลิปปินส์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะจากผู้ผลิตรายใหม่จากประเทศจีนที่เริ่มเข้ามารุกตลาดในภูมิภาค ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งทางการตลาดและระดับราคาขายสินค้าในอนาคต

 แต่บริษัทฯ มั่นใจว่า ด้วยจุดแข็งด้านคุณภาพสินค้าและความเชี่ยวชาญในการผลิตยางรถจักรยานยนต์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม รวมถึงการให้บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างความแตกต่างและรักษาความเชื่อมั่นจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี จึงสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ได้ 

"แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจและตัวเลขการส่งออกโดยรวมจะชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในลักษณะ OEM ซึ่งมักมีการกำหนดสเปกสินค้าไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่งผลให้คำสั่งซื้อยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทฯ ได้มีการหารือร่วมกับลูกค้าเพื่อหาแนวทางรับมือสำหรับสถานการณ์ดังกล่าว และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณผลกระทบในเชิงลบจากลูกค้าแต่อย่างใด"

HFT