Talk of The Town

นายกฯไป ตลาดรอด! นักวิเคราะห์ชี้! หากลาออก เป็นทางเลือกดีที่สุดต่อหุ้นไทย


19 มิถุนายน 2568

โบรกฯ มอง 3 ทางออกการเมืองไทย ชี้ให้นายกลาออกเป็นทางเลือกที่สุดต่อตลาดหุ้นไทย หากบริหารต่อด้วยรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีแต่ความเสี่ยงทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจงบประมาณที่จำกัด สุดท้ายอาจต้องยุบสภาฯหรือลาออกตามมา

นายกฯ ไป ตลาดรอด!_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่า การถอนตัวออกจากรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย ทำให้สถานะของรัฐบาลมีความเสี่ยงด้านเสถียรภาพมากขึ้น โดยจากการประเมินเบื้องต้นตามข้อมูลข่าวการเมืองที่เปิดเผยโดยทั่วไป เสียงในสภาฯ มีทั้งสิ้น 495 เสียง 

โดยการมีเสียงเกินครึ่งสภาฯเพื่อดำรงสถานะความเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก คือ ต้องรวมเสียงให้ได้มากกว่า 248 เสียงแต่หลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัว ซึ่งมีเสียงราว 69 เสียง ทำให้เสียงของรัฐบาลลดลงจาก 324 เสียง เหลือราว 255 เสียง ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงมากเมื่อเทียบกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ (ชุดก่อนหน้า) มี 278 เสียง

เพราะฉะนั้น ถ้ามีการถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 1 พรรค จาก พรรคที่มีเสียงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง, พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง, หรือพรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง รัฐบาลจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำหรือเสียงข้างน้อยทันทีซึ่งจะบริหารประเทศได้อย่างยากลำบาก เพราะต้องคอยขอเสียงสนับสนุนจากฝ่ายค้าน หากต้องการผ่านกฎหมายสำคัญ

ดังนั้น จึงได้ประเมินผลกระทบด้านปัจจัยการเมืองต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยอิงที่ความชัดเจน ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบาย ประกอบกับการวิเคราะห์เชิงปริมาณโดยอิงสถิติที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นสำคัญ

โดยทางเลือกที่เป็นบวกต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ นายกฯลาออก เพราะใช้เวลาสรรหาสั้น โดยเทียบกรณีคุณเศรษฐาพ้นตำแหน่ง 14 ส.ค. 2567 สภาฯสามารถเลือกนายกฯท่านใหม่ได้อย่างรวดเร็วในวันที่ 16 ส.ค. 2567โดยในส่วนของข้อมูลเชิงสถิติ วันที่ 14 ส.ค. 2567 ตลาดหุ้นไทยลงไปทำจุดต่ำสุด -1.3% ก่อนจะเด้งขึ้นมาปิดลบเพียง -0.4% และหลังจากนั้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยบวก +3.1% ในช่วง 5 วันทำการ

ส่วนทางเลือกที่เป็นลบต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การบริหารประเทศด้วยเสียงข้างน้อย เพราะจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ด้วยงบประมาณที่จำกัดและนายกฯมีความเสี่ยงที่จะต้องยุบสภาฯหรือลาออกตามมา หากไม่สามารถผ่านกฎหมายสำคัญต่อสภาฯ เช่น พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี

กรณียุบสภาฯมองเป็นกลาง สถานการณ์จะนิ่งขึ้น แต่ต้องใช้เวลาเลือกตั้งใหม่ใน 45-60 วัน และแม้รัฐบาลชุดเดิมยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้จนกว่าจะได้รัฐบาลชุดใหม่ แต่การพิจารณางบประมาณปี 2569 หรือการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ อาจไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ 

ส่วนสถิติต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยการยุบสภาฯล่าสุด คือ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 20 มี.ค. 2566 พบว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยลงไปทำจุดต่ำสุด -1.3% ก่อนจะเด้งขึ้นมาปิดลบ -0.5% และหลังจากนั้นพลิกมาบวก +2.4% ในช่วง 5 วันทำการ