รายงานพิเศษ : SCC รับผลบวกลดการถือหุ้น CAP หนุนกำไร-กระแสเงินสดโดดเด่น โบรกฯชี้เพิ่มโอกาสการจ่ายเงินปันผล
บริษัทหลักทรัพย์ วิเคราะห์บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ลดสัดส่วนการลงทุนใน PT Chandra Asri Pacific Tbk (“CAP”) เป็นผลดีต่อบริษัทมีกำไรและกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/68 ปรับขึ้นโดดเด่น และมีโอกาสจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้น
โดยบล.LH วิเคราะห์หุ้น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ระบุว่า ประเด็นการลงทุน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการลงทุนใน CAP SCC ได้แจ้งต่อ SET ถึงการปรับสถานะการลงทุนใน PT Chandra Asri Pacific Tbk (“CAP”) จาก บ.ร่วมเป็นการลงทุนอื่น จากการอยู่ระหว่างเตรียมการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน CAP ลงจำนวน 10.57% จากเดิม 30.57% เป็น 20% และลดการมีส่วนร่วมในการบริหาร
ทั้งนี้ CAP เป็นบริษัทจดทะเบียนในอินโดนีเซีย และเป็นผู้นำในธุรกิจปิโตรเคมีที่มีธุรกิจครบวงจรซึ่ง SCC ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก PT Barito Pacific Tbk 34.63% และ TOP ร่วมถือหุ้นด้วยเป็นอันดับ 3 ที่ 15%
โดยคาดบันทึกกำไรพิเศษจำนวนมาก จากการปรับสถานะการลงทุนจาก บ.ร่วมเป็นการลงทุนอื่น ในทางบัญชีทำให้ ต้องประเมินมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน CAP ใหม่ และเนื่องด้วย SCC ถือครองหุ้นมานาน ทำให้ต้นทุนการถือครองต่ำมาก
ปัจจุบันมูลค่าลงทุนของ SCC ใน CAP 3.3 หมื่นลบ. (ถือหุ้น 30.57%) เทียบกับมูลค่าตลาดปัจจุบันตามสัดส่วนที่ SCC ถืออยู่ราว 5.4 แสนลบ. ทำให้เราคาดว่าจะบันทึกกำไรพิเศษจำนวนมากในไตรมาส 2/68 นี้ นอกเหนือจากการบันทึกส่วนแบ่งกำไรพิเศษจาก CAP ตามการปรับปรุงมูลค่าความนิยมจากการซื้อธุรกิจโรงกลั่นในสิงคโปร์ที่ต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม ทำให้จะมีกำไรพิเศษ 2 ก้อนในไตรมาส 2/68
ผลบวกต่อกำไรและกระแสเงินสด นอกจากการบันทึกกำไรพิเศษแล้ว การขายหุ้น CAP ครั้งนี้ ยังจะทำให้ SCC ไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนแล้วได้เงินสดกลับมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนDeleveraging of Debt รวมถึงเรามองว่าเป็นการเพิ่มโอกาสจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นและฐานะ การเงินแข็งแกร่งขึ้นจากการรับเงินสด
▪ แนวโน้มกำไรปกติ 2Q68F ปรับขึ้นเด่น เราคาดแนวโน้มกำไรปกติ 2Q68F จะดีขึ้นอีก QoQ จากประโยชน์เต็มไตรมาสจากการปรับขึ้นราคาขายของปูนซีเมนต์ ซึ่งช่วยชดเชยปริมาณขายที่อ่อนตัวตามฤดูกาล สเปรดของเคมิคอลส์ เพิ่มขึ้นมากตามต้นทุนแนฟทาที่ลดลง กำไรของ SCGP เพิ่มขึ้น รายได้เงินปันผลราว 2 พันลบ. (รับรู้ทุก 2Q และ 4Q)
▪ คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เราคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” จากประเด็นบวกในครั้งนี้จากการบันทึกกำไรพิเศษจำนวนมาก 2Q68F กระแสเงินสดแข็งแกร่งขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสการจ่ายเงินปันผล รวมถึงคาดแนวโน้มกำไรปกติ 2Q68F จะปรับขึ้นเด่นจากทุกธุรกิจ ขณะที่หุ้นยังซื้อขายด้วย P/B 0.6x ซึ่งเพียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง -1.5 S.D.
ด้าน บล.ทิสโก้ วิเคราะห์หุ้นSCC โดยระบุว่า มองการพัฒนานี้เป็นสิ่งบวกในระยะสั้น
ประการแรก การเปลี่ยนวิธีการบัญชีจากรายได้จากเงินลงทุนเป็นรายได้เงินปันผลจะช่วยตัดผลการ contribution ในการขาดทุนของ CAP ที่รับรู้ปัจจุบันภายใต้รายได้จากเงินลงทุน ในปี 2024 CAP รายงานขาดทุนสุทธิ 57.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.9 พันล้านบาท) ซึ่ง 17.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 571 ล้านบาท) เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัดส่วน 30.57% ของ SCC
ประการที่สอง มีศักยภาพสำหรับกำไรทางบัญชีครั้งเดียวจากการประเมินสินทรัพย์ใหม่ อย่างไรก็ตาม เราสังเกตว่าจำนวนเงินจะขึ้นอยู่กับกำไรครั้งเดียวจาก negative goodwill
ซึ่ง CAP คาดว่าจะบันทึกใน 2Q25 จากการซื้อสินทรัพย์การกลั่นและเคมีในสิงคโปร์ โดยใช้มูลค่าตามบัญชี ณ สิ้นปี 2024 ที่ 33.0 พันล้านบาท เป็นข้อมูลอ้างอิง เราประมาณว่า SCC สามารถตระหนักถึงกำไรทางบัญชีครั้งเดียวจากการประเมินสินทรัพย์ใหม่ได้สูงสุด 2.28 หมื่นล้านบาท อิงจากต้นทุนการซื้อที่ TOP ซื้อสัดส่วนใน CAP ในปี 2021 สุดท้าย การขายหุ้นที่ประสบความสำเร็จจะช่วยลดการเปิดรับความเสี่ยงของ SCC ต่อธุรกิจ naphtha cracker ซึ่งยังคงเผชิญกับความท้าทายโครงสร้างระยะยาว
-
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมเคมียังคงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผลการดำเนินงานหุ้นของ SCC ภาค ส่วนนี้ยังคงต่อสู้กับกำลังการผลิตโลกที่เพิ่มขึ้น อุปสงค์ที่ซบเซา และความไม่แน่นอนที่ดำเนินอยู่รอบความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
-
เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” สำหรับ SCC ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 130.00 บาท จากวิธี SOTP