SCC บวกแรง 5.53% หลังสหรัฐ-จีน เจรจาคืบหน้า โบรกฯ ชี้ปี 68 กำไรฟื้นตัวรัวๆ

รายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ในวันนี้ (11 มิ.ย. 68) โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง จนทำจุดสูงสุดของภาคเช้าที่ระดับ 171.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.53% ก่อนจะปิดการซื้อขายของภาคเช้าที่ระดับ 170 บาท เพิ่มขึ้น 4.62% จากวันก่อนหน้า

ล่าสุดนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สหรัฐฯ และจีนได้บรรลุกรอบข้อตกลงร่วมกันแล้วหลังจากการเจรจาสองวันที่ลอนดอน โดยรายละเอียดเบื้องต้นสหรัฐฯ จะผ่อนปรนการระงับส่งออกสินค้าเทคโนโลยีสูงบางชนิดไปยังจีน ขณะที่จีนจะผ่อนปรนการระงับการส่งออกแร่หายาก (Rare Earth) ไปยังสหรัฐฯ เช่นกัน

โดยทั้งสองฝ่ายจะนำกรอบข้อตกลงดังกล่าวไปให้ ปธน. แต่ละฝ่ายพิจารณาก่อนตกลงกันอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป รวมถึงการทยอยหาข้อสรุปการค้ากับประเทศอื่นๆ รวมถึงไทย ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้น Reopening Trade นำโดย China Plays (PTTGC, IVL,SCC, SCGP), ชิ้นส่วนฯ, นิคม, เกษตรฯ

ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองว่า แนวโน้มกําไรจะยังคงเป็นบวกต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยกำไรไตรมาส 2/68 จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็น 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% จากไตรมาสก่อนหน้า ด้วยส่วนต่างราคา HDPE ที่ฟื้นตัวขึ้น และส่วนต่างราคา PP ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากต้นทุนแนฟทาที่ลดลงอย่างมาก ใน 2/68 จากต้นไตรมาสถึงปัจจุบัน ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ HDPE และ PP ลดลงในอัตราที่ช้ากว่าต้นทุนแนฟทา

นอกจากนี้ คาดว่าการปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ที่มีเริ่มรับรู้มากขึ้น เนื่องจากสัญญาปูนซีเมนต์เทกอง (70% ของรายได้รวมจากปูนซีเมนต์) ซึ่งเป็นสัญญาแบบราคาคงที่ 6-12 เดือน กําลังจะหมดอายุ ทําให้สามารถต่ออายุสัญญาใหม่ได้ในราคาที่สูงขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม กําไรหลักที่ลดลง 27% จากช่วงปีก่อน เป็นผลกระทบจากการบันทึกค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยเต็มจำนวนจากโครงการ LSP

ทั้งนี้ แนวโน้มกำไรยังคงเป็นเชิงบวกต่อไปในครึ่งหลังของปี 2568 คาดการณ์ว่ากําไรหลักในไตรมาส 3/68 และ 4/68 จะฟื้นตัวขึ้น จากช่วงเดียวกันและไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากส่วนต่างราคาเคมีภัณฑ์ที่ดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ราคาปูนซีเมนต์ที่เริ่มรับรู้สูงขึ้น ความต้องการซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การฟื้นตัวของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ดีขึ้น และโครงการลดต้นทุนที่เข้มข้นยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังได้รับประโยชน์จากต้นทุนถ่านหินที่ลดลง โดยราคาถ่านหิน (ICI-3) ลดลงมาอยู่ที่ 72.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ในไตรมาส 2/68 จากต้นไตรมาสถึงปัจจุบันซึ่งลดลง 7.6% จากการวิเคราะห์ความอ่อนไหวทุกๆ 5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันของราคาถ่านหินที่ลดลงจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปรับขึ้นของกําไรหลักปี 2568 ได้ 2.6% คิดเป็น 262 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากแนวโน้มกําไรที่ยังคงเป็นบวกต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี รวมถึงมูลค่าหุ้นที่ยังไม่แพง อ้างอิงจาก P/BV ที่ 0.4 เท่า และ P/E ที่ 17 เท่า จึงได้ปรับเพิ่มคําแนะนํา เป็น “Outperform” จากเดิม “Neutral” พร้อมกับคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 192 บาท