สัมภาษณ์พิเศษ : PREB เชี่ยวชาญรับมือแผ่นดินไหว ใช้ที่ปรึกษาชาวญี่ปุ่นมานานกว่า 15 ปี ทุกโครงการที่ก่อสร้างไม่ได้รับผลกระทบ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่เกิดขึ้น จะส่งต่ออุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างของไทยอย่างไร และบริษัทมีแนวทางดำเนินธุรกิจอย่างไร ไปเปิดมุมมองนี้กับ “วิโรจน์ เจริญตรา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีบิลท์ (PREB) ผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย
แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นส่งผลอย่างไรต่อภาคก่อสร้างและแนวทางรับมือ
บริษัทได้รับผลบวก จากการสำรวจโครงการกว่า 30-40 โครงการที่สร้างมาในช่วง 2-5 ปีที่ผ่านมา พบว่า โครงสร้างแข็งแรงทั้งหมด แทบไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนที่เสียหายบ้างเป็นงานตกแต่ง (finishing) เช่น ฝ้า ผนังก่ออิฐ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ สะท้อนให้เห็นว่างานโครงสร้างของอาคารที่บริษัทสร้างมีความปลอดภัยและแข็งแรง
และเนื่องจาก PREB ทำงานตามการออกแบบของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งผู้ออกแบบอาคารสูงส่วนใหญ่จะมีการออกแบบเพื่อรับมือแผ่นดินไหวไว้ด้วย
โครงการที่ PREB สร้างมีอะไรบ้าง
โครงการที่สร้างโดยบริษัท และไม่ได้รับผลกระทบ เช่น โครงการ Forester One Bangkok และโครงการของ Developer ใหญ่ๆ อีกหลายราย โครงการเหล่านี้แข็งแรงและปลอดภัยทั้งหมด
แนวทางการสร้างความเชื่อมั่นและการรับมือ
PREB มีแนวทางการดำเนินงานเพื่อสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความแข็งแรงและปลอดภัยของโครงสร้าง โดยเฉพาะการรับมือกับแผ่นดินไหว ได้แก่
1. การตรวจสอบการออกแบบอย่างละเอียด บริษัทจะไม่เริ่มก่อสร้างทันทีเมื่อรับงาน แต่จะตรวจสอบการออกแบบทั้งหมดก่อน หากพบจุดอ่อน หรือจุดที่อาจมีการเคลื่อนไหวมากเกินไปในแบบ ก็จะมีการตรวจสอบซ้ำ เพราะการออกแบบมีความสำคัญมากสำหรับการก่อสร้าง
2. การแนะนำและเสริมการออกแบบ หากเห็นว่ามีจุดอ่อนบางจุด บริษัทก็จะแจ้งผู้ออกแบบและ อาจแนะนำให้เสริมโครงสร้างบางส่วน เพื่อเพิ่มความแข็งแรง หรือตรวจสอบความเหมาะสมของดีไซน์ในบางจุด กระบวนการนี้เป็นการตรวจสอบความถูกต้องก่อนเริ่มงานก่อสร้าง
3. การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง สำหรับบางโครงการ PREBได้ที่ปรึกษาจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการออกแบบอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว
ทำให้ลูกค้าของบริษัทเชื่อมั่นในการทำงานของบริษัทได้ เนื่องจากการตรวจสอบการออกแบบบริษัทไม่ได้เริ่มก่อสร้างทันทีที่รับงาน แต่จะตรวจสอบการออกแบบทั้งหมดก่อน หากพบจุดอ่อน หรือจุดที่อาจมีการเคลื่อนไหวมากเกินไป ก็จะมีการตรวจสอบซ้ำ
ซึ่งการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาชาวญี่ปุ่นนี้ เริ่มต้นมาประมาณ 15 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเริ่มทำ หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุด แสดงให้เห็นถึงการเตรียมการล่วงหน้า รองรับกับภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
มองเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นอย่างไร
บริษัทมองว่า การป้องกันแผ่นดินไหวเป็นการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างในประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ การดำเนินการนี้ ไม่ได้เพิ่มต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ แต่การวางแผนและการป้องกันถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกับสถานการณ์แผ่นดินไหวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ดังนั้นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น จึงเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพของงานโครงสร้างของ PREB ที่มีแนวทางที่เข้มแข็งในการรับมือและสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าและลูกค้า ผ่านการตรวจสอบการออกแบบเชิงลึก การเสริมการออกแบบหากจำเป็น และการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการที่ก่อสร้างจะปลอดภัย และช่วยยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างของประเทศ