Talk of The Town

“สงคราม ส่งด่วน” ชีวิตจริงยิ่งกว่าซีรีส์ ทำ "KEX " ขาดทุนหนัก จับตา 20 มิ.ย.นี้ ขอมติผถห. นำบริษัทออกจากตลาดหุ้น


05 มิถุนายน 2568

หากใครที่ได้รับชมซีรีส์ที่กำลังติดกระแสในช่วงนี้ อย่าง “สงคราม ส่งด่วน” ก็คงจะได้บทเรียนหลากหลากหลายด้านจากเรื่องดังกล่าว ซึ่งในแง่ของธุรกิจก็ด้วยเช่นกัน อย่างประโยคที่ว่า “อย่าเริ่มทำสงครามราคา เพราะถ้าทุกเจ้าแข่งกันลด ตลาดมันจะพัง... สายป่านคุณสั้น คุณจะตายก่อน” ของเจ้าสัวคณิน

สงคราม ส่งด่วน_S2T (เว็บ) copy_0.jpg

สำหรับในชีวิตจริงหรือในโลกของธุรกิจก็มีไม่น้อยเช่นกัน ที่เกิดการแข่งขันด้านราคาจนทำให้ผู้ประกอบการต้องเจอผลการดำเนินที่แย่ลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX

โดย KEX เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วน ที่ได้รับบาดเจ็บจากสงครามราคา ซึ่งผลของสงครามราคาทำให้ให้ผลประกอบการของ KEX ขาดทุนอย่างหนัก และขาดทุนต่อเนื่องมาโดยตลอด

ซึ่งกินระยะเวลานานกว่า 14 ไตรมาสติดต่อกันนับตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นมา จนถึงขั้นทำให้ผลประกอบการของ KEX ขาดทุนสะสมสูงถึง 13,241 ล้านบาท

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ KEX  เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 24 ธ.ค.63 ซึ่งราคาขายหุ้นไอพีโออยู่ที่ 28 บาทต่อหุ้น และได้รับเงินจากการระดมทุนในครั้งนั้นไปกว่า 8,400 ล้านบาท

ความสำเร็จของ KEX ในช่วงที่ผ่านมาก่อนเข้าตลาดหุ้น และมุมมองในอนาคตจากปากของผู้บริหาร ส่งผลให้ราคาหุ้นของ KEX เข้าเทรดวันแรก ทำจุดสูงสุดที่ 73 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นกว่า 160%

ขณะที่ในด้านมูลค่าบริษัทของ KEX เคยปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับบริษัทที่มีมูลค่าเกิน 1 แสนล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ณ ช่วงเวลาล่าสุดวันที่ 4 มิ.ย. 2568 มูลค่าบริษัทของ KEX  กลับลดลงอย่างน่าใจหายจนเหลือแค่เพียง 5 พันกว่าล้านบาท

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ KEX ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากสงครามราคา  จึงส่งผลให้คณะกรรมการบริษัทจะขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ เพื่อนำบริษัทออกจากตลาดหุ้น โดยจะมีการทำเทนเดอร์หุ้นส่วนที่เหลือจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่ราคาหุ้นละ 1.50 บาท

โดยผู้บริหารของ KEX ให้เหตุผลของการเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นในครั้งนี้ว่า ปัจจุบันบริษัทกำลังเผชิญกับสภาวะตลาดและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ท้าทายอย่างมาก ประกอบกับการขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่อง ปัญหาด้านสภาพคล่อง การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น

และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการจัดส่งพัสดุด่วน เนื่องด้วยลักษณะของภาคธุรกิจการจัดส่งพัสดุด่วนที่มีการแข่งขันสูง ประกอบกับกลยุทธ์การตั้งราคาในเชิงรุกจากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม และแรงกดดันด้านราคาจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้ลดทอนความสามารถในการทำกำไรของบริษัท โดยมีผลขาดทุนติดต่อกันมาแล้วถึง 13 ไตรมาส ภายใต้ความท้าทายดังกล่าวแนวโน้มธุรกิจของบริษัทยังคงไม่แน่นอน และเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ถึงการฟื้นตัวของผลประกอบการของบริษัทฯในระยะสั้น

นอกจากนี้ จากการขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการด้านธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดด้านสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์และแนวโน้มในอนาคตที่ไม่แน่นอน สถานะการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของหุ้นของบริษัท จึงไม่อาจเป็นช่องทางในการระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสำหรับบริษัทได้อีกต่อไป

KEX