SCB CIO ชี้เศรษฐกิจโลกเปราะบางจากภาษีนำเข้าที่สูง แม้สงครามการค้าผ่อนคลายลง แนะลงทุนแบบ Selective เลือกบอนด์สหรัฐฯ ระยะสั้น หุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และ ธีม AI

นายศรชัย สุเนต์ตา, CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product กลุ่มธุรกิจ Consumer Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางด้านนโยบายที่เพิ่มขึ้น การมองหาโอกาสการลงทุนจากตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ โดยการลงทุนต้องเน้น Selective มากขึ้น เช่น การเลือกหุ้นรายภูมิภาค และรายกลุ่มอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ควรลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงในหลายอุตสาหกรรม
สำหรับ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีโอกาสการลงทุนในดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ โดยต้องเน้นคัดเลือกหุ้นสหรัฐฯ ที่มีคุณภาพ ขณะที่ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในดัชนีหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ ซึ่งมี Valuation แพง และอัตรากำไรต่ำ ส่วนตลาดหุ้นยุโรป แนะนำให้เน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่ Valuation ไม่แพง และได้ประโยชน์จากธีมระยะยาว เช่น AI และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง กลุ่มธนาคารที่ยังซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 25% ทั้งยังมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น มีต้นทุนลดลง และมีรายได้สุทธิจากดอกเบี้ยดีกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ กลุ่มธนาคารก็มีแผนเพิ่มผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ผ่านการจ่ายปันผลและการซื้อหุ้นคืน
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ยังได้ประโยชน์จากกระแสการปฏิรูปบรรษัทภิบาลในญี่ปุ่น ที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และการกลับมาของเงินเฟ้อของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสัญญาณว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มพ้นจากภาวะเงินฝืด ซึ่งในส่วนของ BlackRock ก็ยังคงคำแนะนำ Overweight หุ้นญี่ปุ่นอยู่ โดยมองว่า การลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น แบบไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน มีความน่าสนใจลงทุน ตามที่เงินเยนมักแข็งค่าขึ้น ในช่วงที่ตลาดโลกเผชิญความผันผวน
ขณะที่ การมองหาโอกาสลงทุนธีม AI ในเอเชีย อาจช่วยกระจายความเสี่ยงสำหรับการลงทุนในธีม AI ได้ โดยแนะนำให้หาโอกาสลงทุนในกลุ่มฮาร์ดแวร์ เช่น บริษัทผลิตชิป ซัพพลายเออร์ด้านเซิร์ฟเวอร์และการจัดเก็บ (Storage) รวมถึงกลุ่มซอฟต์แวร์ เช่น บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีการสร้างสรรค์คอนเทนท์ และบริษัทที่ทำแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้ปลายทาง เป็นต้น
สำหรับการมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนทางนโยบายการค้าสูง เรามองว่า ทองคำสามารถป้องกันพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตได้ โดยราคาทองคำทำสถิติพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 25.3% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือน เม.ย. 2568 ถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นโดดเด่นมากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ นอกจากนี้ ทองคำยังมีปัจจัยหนุนระยะกลางถึงยาว จากการที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่มีแนวโน้มซื้อทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะธนาคารกลางจีน

นายศรชัย สุเนต์ตา, CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product กลุ่มธุรกิจ Consumer Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางด้านนโยบายที่เพิ่มขึ้น การมองหาโอกาสการลงทุนจากตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ โดยการลงทุนต้องเน้น Selective มากขึ้น เช่น การเลือกหุ้นรายภูมิภาค และรายกลุ่มอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ควรลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงในหลายอุตสาหกรรม
สำหรับ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีโอกาสการลงทุนในดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ โดยต้องเน้นคัดเลือกหุ้นสหรัฐฯ ที่มีคุณภาพ ขณะที่ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในดัชนีหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ ซึ่งมี Valuation แพง และอัตรากำไรต่ำ ส่วนตลาดหุ้นยุโรป แนะนำให้เน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่ Valuation ไม่แพง และได้ประโยชน์จากธีมระยะยาว เช่น AI และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง กลุ่มธนาคารที่ยังซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 25% ทั้งยังมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น มีต้นทุนลดลง และมีรายได้สุทธิจากดอกเบี้ยดีกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ กลุ่มธนาคารก็มีแผนเพิ่มผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ผ่านการจ่ายปันผลและการซื้อหุ้นคืน
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ยังได้ประโยชน์จากกระแสการปฏิรูปบรรษัทภิบาลในญี่ปุ่น ที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และการกลับมาของเงินเฟ้อของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสัญญาณว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มพ้นจากภาวะเงินฝืด ซึ่งในส่วนของ BlackRock ก็ยังคงคำแนะนำ Overweight หุ้นญี่ปุ่นอยู่ โดยมองว่า การลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น แบบไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน มีความน่าสนใจลงทุน ตามที่เงินเยนมักแข็งค่าขึ้น ในช่วงที่ตลาดโลกเผชิญความผันผวน
ขณะที่ การมองหาโอกาสลงทุนธีม AI ในเอเชีย อาจช่วยกระจายความเสี่ยงสำหรับการลงทุนในธีม AI ได้ โดยแนะนำให้หาโอกาสลงทุนในกลุ่มฮาร์ดแวร์ เช่น บริษัทผลิตชิป ซัพพลายเออร์ด้านเซิร์ฟเวอร์และการจัดเก็บ (Storage) รวมถึงกลุ่มซอฟต์แวร์ เช่น บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีการสร้างสรรค์คอนเทนท์ และบริษัทที่ทำแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้ปลายทาง เป็นต้น
สำหรับการมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนทางนโยบายการค้าสูง เรามองว่า ทองคำสามารถป้องกันพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตได้ โดยราคาทองคำทำสถิติพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 25.3% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือน เม.ย. 2568 ถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นโดดเด่นมากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ นอกจากนี้ ทองคำยังมีปัจจัยหนุนระยะกลางถึงยาว จากการที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่มีแนวโน้มซื้อทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะธนาคารกลางจีน