“ไทยน้ำทิพย์” ผู้จำหน่ายโค้ก เบอร์ 1 ตลาดน้ำอัดลม รายได้ 4 หมื่นลบ. กำลังจะเข้าตลาดหุ้นเร็วๆ นี้
อีกหนึ่งหุ้น IPO น่าจับตา! บริษัท ไทยน้ำทิพย์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TNCC เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจ อาหารและเครื่องดื่ม
โดยบริษัทมีแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 612,451,687 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10.00 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯในครั้งนี้ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
สำหรับบริษัท บริษัทฯ เป็นผู้นำในตลาดการประกอบธุรกิจเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-Alcoholic Ready-to-Drink หรือ “NARTD”) ประเภทเครื่องดื่มอัดลม (Carbonated Soft Drinks หรือ “CSD”) ชั้นนำในประเทศไทย
โดยบริษัทฯ ได้รับสิทธิในการจัดเตรียม บรรจุ จัดจำหน่าย และจำหน่ายเครื่องดื่มครอบคลุม 63 จังหวัดจากทั้งหมด 77 จังหวัดในประเทศไทย (“พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายเครื่องดื่ม”) ภายใต้สัญญาระหว่างบริษัทฯ กับ The Coca-Cola Company และ Schweppes Holdings Limited
นอกจากนี้ บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 100.00 ใน Lao Coca-Cola Bottling Co., Ltd. (“LCCB”) ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายเครื่องดื่ม (Bottler) ซึ่งประกอบธุรกิจในประเทศลาวภายใต้สัญญาในลักษณะเดียวกันกับสัญญาระหว่างบริษัทฯ กับ The Coca-Cola Company และ Schweppes Holdings Limited โดยเครื่องดื่มที่บริษัทฯ ได้รับอนุญาตในการจัดเตรียม บรรจุ จัดจำหน่าย และจำหน่ายในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มในประเทศไทย และ/หรือ ในประเทศลาว
โดยหลักรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โคคา-โคล่า แฟนต้า สไปร์ท ชเวปส์ มินิทเมด เอแอนด์ดับบลิว (เฉพาะในประเทศไทย) ฟิวซ์ที และน้ำทิพย์ เป็นต้น (รวมเรียกว่า “เครื่องดื่มที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่าย” ของบริษัทฯ)
จากข้อมูลของบริษัท ฟรอส์ท แอนด์ ซัลลิวัน (ไทยแลนด์) จำกัด ("ฟรอส์ท แอนด์ ซัลลิวัน") เมื่อพิจารณาจากยอดขายในประเทศไทยสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ ครองอันดับที่ 1 ในอุตสาหกรรม NARTD โดยมีส่วนแบ่งตลาดคิดเป็น 15.6% ในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ
โดยบริษัทฯ ครองอันดับที่ 1 ในผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มอัดลม โดยมีส่วนแบ่งตลาดคิดเป็น 51.4% สำหรับหมวดย่อยต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มอัดลม แบรนด์โคคา-โคล่าของบริษัทฯ ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในผลิตภัณฑ์ประเภทโคล่า โดยมีส่วนแบ่งตลาดคิดเป็น 47.9% และแบรนด์แฟนต้าและสไปร์ทของบริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันสูงสุดในหมวดย่อยผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มที่มีรสชาติอื่น ๆ โดยมีส่วนแบ่งตลาดคิดเป็น 66%
สำหรับปี 2567 บริษัทฯ ได้จำหน่ายเครื่องดื่มที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายจำนวนรวม 404 ล้านยูนิตเคส ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายเครื่องดื่ม โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีศูนย์กระจายสินค้ามากกว่า 50 แห่ง และโรงงานผลิตเครื่องดื่มจำนวน 5 แห่งในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มในประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีจำนวนพนักงาน (รวมการจ้างแรงงานภายนอก (Outsource) ตามความต้องการในฤดูกาลผลิต) มากกว่า 8,000 คน และบริษัทฯ ยังมีเครือข่ายที่ใช้ในการกระจายเครื่องดื่มที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มที่ให้บริการร้านค้าประมาณ 495,000 แห่งในประเทศไทย
นอกจากนี้บริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่หลากหลาย ซึ่งบริษัทฯ ใช้กลยุทธ์การขายและการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับฐานลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ในประเทศไทยประกอบด้วย (1) ร้านค้าแบบดั้งเดิม เช่น ร้านค้าส่งแบบดั้งเดิม (ร้านยี่ปั๊ว) ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (ร้านโชห่วย) เป็นต้น และ (2) ร้านค้าแบบสมัยใหม่เช่น ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น เช่นเดียวกับในประเทศลาว กลุ่มลูกค้าของ LCCB ประกอบด้วยเครือข่ายร้านค้าและผู้จัดจำหน่ายในลักษณะใกล้เคียงกันกับกลุ่มลูกค้าในประเทศไทยของบริษัทฯ
ณ วันที่31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีโรงงานผลิตเครื่องดื่มจำนวน 5 แห่งในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มในประเทศไทย โดยมีสายการผลิต 22 สาย ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมสูงสุดประมาณ 564ล้านยูนิตเคสต่อปีและมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มมากกว่า 50 แห่ง
สำหรับผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลัง โดยปี 2565 มีรายได้รวม 35,989.15 ล้านบาท ปี 2566 มีรายได้รวมเพิ่มเป็น 39,294.98 ล้านบาท และปี 2567 รายได้รวมเพิ่มเป็น 41,314.24 ล้านบาท
ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดยปี 2565 มีกำไรสุทธิ 3,083.24 ล้านบาท ส่วนปี 2566 เพิ่มเป็น 3,374.41 ล้านบาท และปี 2567 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 4,379.08 ล้านบาท