Talk of The Town

ส่องเส้นทาง KEX เข้าตลาดได้เพียง 4 ปี ผลงานย่ำแย่ เตรียมหนีออกจากตลาดหุ้น


06 พฤษภาคม 2568

น่าสนใจสำหรับบริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2568 มีมติอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) 

ส่องเส้นทาง KEX_S2T (เว็บ) copy.jpg

ทั้งนี้สืบเนื่องจากที่บริษัทฯ ได้รับ หนังสือแสดงเจตนา ฉบับลงวันที่ 30 เมษายน 2568 จากบริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (SFTH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ (ณ วันที่ 7 มีนาคม 2568 SFTH ถือหุ้นในบริษัทฯ จำนวนทั้งสิ้น 2,853,952,489 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 81.43% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ) 

โดยตามหนังสือดังกล่าว SFTH เสนอให้บริษัทฯ เพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยสมัครใจ และแจ้งความประสงค์ที่จะเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ ที่ไม่ได้ถือโดย SFTH ซึ่งรวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 651,017,806 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 18.57% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของ บริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในราคาเสนอซื้อหุ้นที่ราคา 1.50 บาทต่อหุ้น 

อย่างไรก็ตามราคาเสนอซื้อข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง หากมีเหตุการณ์หรือการกระทำใด ๆ อันเป็นเหตุหรืออาจเป็นเหตุให้เกิดความ เสียหายอย่างร้ายแรงต่อฐานะหรือทรัพย์สินของบริษัทฯ หรือเหตุอื่นใดซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการกำหนด ราคาเสนอซื้อ หรือเหตุอื่นใดตามที่กำหนดในประกาศที่ ทจ. 12/2554

โดยการกำหนดราคาเสนอซื้อสุดท้ายจะ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศที่ ทจ. 12/2554 อย่างไรก็ดี  ภายหลังการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ จะยังมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และจะยังคงปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับต่อไป

สำหรับ KEX เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อ 24 ธ.ค. 2563 ด้วยราคา IPO ที่ระดับกว่า 28 บาท โดยในช่วงนั้นถือเป็นอีกหนึ่งหุ้น IPO สุดฮอต เพราะราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 73 บาทในวันแรกที่เข้าเทรด

แต่หลังจากนั้นราคาหุ้นค่อนข้างผันผวน โดยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเป็นหุ้นราคาต่ำบาท ในเวลาเพียงแค่ 4 ปีเศษๆ และหากเทียบกับราคาสูงสุดที่ระดับ 73 บาท กับราคาปิดวันที่ 30 เม.ย.68 ที่ 1.23 บาท เท่ากับว่าราคาหุ้นหายไปกว่า 98%

ซึ่งถือเป็นในทิศทางเดียวกันกับผลประกอบการที่นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นกำไรสุทธิลดลงต่อเนื่อง โดยปี 2563 ที่เป็นปีแรกเข้าเทรด มีกำไรสูงถึง 1,405.03 ล้านบาท

แต่หลังจากนั้นปี 2564 มีกำไรเพียง 46.92 ล้านบาท หลังจากนั้นปี 2565-2567 ผลประกอบการถือว่าแย่พอสมควร เพราะมีผลขาดทุนจำนวนมาก โดยปี 2565 ขาดทุนสุทธิ 2,829.84 ล้านบาท ปี 2566 เพิ่มเป็น 3,880.64 ล้านบาท และล่าสุดปี 2567 ขาดทุนสูงถึง 5,911.32 ล้านบาท โดยปี 2567 แบกขาดทุนสะสมกว่า 12,345 ล้านบาท

ขณะที่เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา  ได้เปลี่ยนชื่อบริษัท จากเดิม  บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

เป็น บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยมีผล วันที่ 8 ส.ค. 2567 และมีการเปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น KEX จากชื่อ “Kerry”  ซึ่งเป็นหนึ่งในการปรับเปลี่ยนที่สำคัญภายใต้ทิศทางการดำเนินงานหลังจากมีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นเป็น SF Express* ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในจีนและเอเชีย

แต่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานในมุมของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า รู้สึกผิดหวังกับผลประกอบการไตรมาส 4/67 ของ KEX ที่มีขาดทุนมากกว่าคาด ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ที่อ่อนแอและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น 

KEX รายงานขาดทุนสุทธิ 2.6 พันล้านบาทในไตรมาส 4/67 มากกว่าขาดทุน 1.1 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/66 และขาดทุน 1 พันล้านบาทในไตรมาส 3/67 

สำหรับไตรมาส 1/68 คาดว่าผลประกอบการจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน คงคำแนะนำ UNDERPERFORM สำหรับ KEX แต่ปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 1.7 บาท มาอยู่ที่ 0.9 บาท/หุ้น เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการผลประกอบการลดลง แม้ราคาหุ้น KEX ปรับตัวลดลงมาแล้ว 

แต่ยังมองไม่เห็นปัจจัยบวกที่จะกระตุ้นให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ความจริงแล้วมีโอกาสมากกว่าจะเห็นแรงกดดันขาลงจากโอกาสที่ KEX จะ เพิ่มทุนในครึ่งหลังของปี 68 เนื่องจากคาดว่าส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจะพลิกมามีตัวเลขติดลบ

ส่องเส้นทาง KEX_S2T (เพจ) copy.jpg

KEX