จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : TFG รุกเปิด"ไทย ฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต"ดันมาร์จิ้น โบรกฯแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท


10 มีนาคม 2566
ปี2566  บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เดินหน้านโยบายรุกธุรกิจร้านค้าปลีก "ร้านไทย ฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต"สาขาตั้งเป้าเพิ่มเป็น 400 สาขาโตเกือบ 100% จากสิ้นปี 65  หนุนมาร์จิ้น และเตรียมลงทุนขยายฟาร์มหมูและไก่ในเวียดนาม  ด้านบล.เคจีไอแนะซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท
รายงานพิเศษ TFG รุกเปิด ไทย ฟู้ดส์ เฟรช มาร์เ100323.jpg      
นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG)  ระบุแผนการดำเนินงานในปี 2566 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15% โดยบริษัทฯเตรียมขยายตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มยอดขาย นอกเหนือจากโมเดลธุรกิจในส่วนของธุรกิจค้าปลีกที่จะกลายเป็นอีกแรงสนับสนุนให้ภาพรวมเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้
          
“ในปี 66 บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายฐานธุรกิจค้าปลีกภายใต้แบรนด์ "ร้านไทย ฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต "มากขึ้น เพื่อเพิ่มมาร์จิ้น โดยมีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มเป็น 400 สาขาภายในปีนี้ (จากสิ้นปี 65 มีประมาณ 220 สาขา) เพื่อรองรับความต้องการลูกค้า" 
           
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมงบลงทุนประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนขยายโรงงานผลิตอาหารสัตว์และฟาร์มเลี้ยงหมูในประเทศเวียดนาม, เสริมศักยภาพธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่ในประเทศเวียดนาม รวมถึงการขยายสาขาในส่วนของธุรกิจค้าปลีก ตลอดจนปรับปรุงธุรกิจในส่วนต่างๆ หวังเสริมศักยภาพของการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
           
ซึ่งธุรกิจไก่และหมูของบริษัทฯในปีนี้ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง จากปัญหาการขาดแคลน  ทำให้แนวโน้มราคาหมูและไก่จะยังอยู่ในระดับที่สูง  อีกทั้งยังได้รับปัจจัยหนุนจากจากการขยายกำลังการเลี้ยงหมูในไทย และเวียดนามที่เพิ่มขึ้น และเน้นขายไก่ไปสู่ช่องทางที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางการส่งออกไก่สู่ต่างประเทศ สนับสนุนให้รายได้รวม และประสิทธิภาพการทำกำไรดีต่อเนื่อง
          
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 65 มีรายได้รวม 52,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% จาก 35,503 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 4,722 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 741% จาก 562 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายที่เติบโตอย่างต่อแข็งแกร่ง สอดรับดีมานด์หมูและไก่ที่เพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ทั่วโลกคลายล็อกดาวน์  อีกทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาที่ขยับเพิ่มขึ้นด้วย
    
ด้าน บล.เคจีไอ วิเคราะห์หุ้นบริษัท โดยระบุว่า กำไรสุทธิของ TFG ใน 4Q65 อยู่ที่ 1.13 พันล้านบาท  (+695% YoY, -35% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 29% เนื่องจาก GPM ต่ำเกินคาดที่ 16.9% (+840bps YoY, -430 bps QoQ) เพราะราคาขายเฉลี่ยของธุรกิจหมูต่ำกว่าที่่คาด และต้นทุนอาหารสัตว์แพงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอดขายยังแข็งแกร่งอยู่ที่  1.51 หมื่นล้านบาท  (+55% YoY, +4% QoQ) เพราะยอดขายของธุรกิจหมูไก่และอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นมากกว่า  30% YoY เพราะฐานต่ำแต่ทรงตัว QoQ ในขณะเดียวกัน ธุรกิจร้านขายปลีกก็เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึงกว่า  200% YoY และ 20% QoQ เนื่องจากมีการเปิดร้านเพิ่มเป็น 220 ร้านใน 4Q65 จาก 85 ร้านใน 4Q64  และ 178 ร้านใน 3Q65 

สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายลดลง 150bps YoY เหลือ 5.9% เพราะรายได้เพิ่มขึ้น แต่กลับลดลง 60 bps QoQ เพราะค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการขยายสาขาร้าน และต้นทุนพนักงาน ทั้งนี้ีกำไรสุทธิเต็มปีอยู่ที่ 4.72 พันล้านบาทเพิ่มขึ้นถึง 741% YoY 

คาดว่ากำไรจะลดลง QoQ ใน 1Q66F 
เรามองแนวโน้มกำไรปีนี้ของ TFG แบบระมัดระวังมากขึ้น และคาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q66F จะลดลง QoQ เนื่องจากราคาหมูลดลงมาก ในขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อ GPM เรามองว่าสมมติฐาน GPM ของเราที่ 18.4% และประมาณการกำไรสุทธิของเราที่ 5.05 พันล้านบาทยังมี downside อีก  แต่อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าแผนการขยายกิจการของTFG น่าจะช่วยสนับสนุนให้รายได้เพิ่มขึ้น โดยบริษัทมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตหมูและขยายสาขาร้านขายปลีกเพิ่มเป็น 380 ถึง 400 ร้าน ซึ่งสูงกว่าสมมติฐานแบบอนุรักษนิยมของเราที่ 350 ร้าน นอกจากนี้ TFG ยังประกาศจ่ายเงินปันผล 0.30 บาท/หุ้นคิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่  5.5% กำหนดขึ้น  XD วันที่ 3  พฤษภาคม

Valuation and action 
เรายงคงคำแนะนำซื้อ  TFG โดยมีราคาเป้าหมายปี 2566F ที่ 7.30 บาท อิงจากมูลค่าเหมาะสมปี 2567 (PER ที่ 12.8x) แล้วหักส่วนลดกลับมาโดยใช้ WACC  ที่ 5.5% 
 
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามได้แก่  ต้นทุนอาหารสัตว์และค่าระวางขนส่งแพงขึ้น, เศรษฐกิจชะลอตัว และราคาเนื้อสัตว์อ่อนแอ
TFG