Talk of The Town
“โนมูระ”คาดหุ้นไทย Sideways เฟดจ่อขึ้นดบ.แรง! กดดันสินทรัพย์เสี่ยงผันผวน
08 มีนาคม 2566
บล.โนมูระ พัฒนสิน มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (8 มี.ค.) “Sideways” สินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นมีโอกาสผันผวน จากความเห็น Hawkish ของคุณ Powell ประธาน Fed ที่แถลงต่อวุฒิสภาช่วงค่ำคืนวานนี้ หนุน Bond Yield สหรัฐฯแกว่งขึ้น หนุนค่าเงิน Dollar แข็งค่าสู่ระดับ 105.6 จุด ถ่วงค่าเงินบาทอ่อนค่าไปที่ 35.1 +/- บาท ทำให้ตลาดน่าจะต้องปรับสถานะจากความเห็นดังกล่าวอีกระยะ
แต่การเร่งขึ้นดอกเบี้ย หากเกิดขึ้น เราเชื่อว่าท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำให้เชิงเปรียบเทียบ
เชื่อว่าไทยที่ภาพเศรษฐกิจปี 23-24 จะเห็นการเติบโตชัดเจน +4.0% และ +3.9% จากแรงหนุนภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวไปในทางทิศทางที่อยู่ในกรอบบนของที่ตลาดมองภาพไว้ รวมถึงมีความคาดหวังเชิงบวกเศรษฐกิจระยะกลางจากการเลือกตั้งใหญ่ ผสาน หุ้นไทยผ่านการปรับฐานจนมี PER2023 เหลือ 15.5 เท่า (VS avg. 17.3 เท่า) จึงมองตลาดหุ้นไทยประคองตัวได้
ขณะที่คงมุมมองกรอบ SET บริเวณ 1635-1610 จุดเป็นโซนที่แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุน โดยเราแนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุน 5% (เราแนะนำตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.)
ทั้งนี้ เรายังคงคาดSET Index เดินหน้าสู่เป้าหมายปี 2023 ที่ 1800จุด อิง ERP เฉลี่ย 3.06% ให้ลงทุนหุ้นไทยโดยมีน้ำหนัก 75%
แนะนำ 1) หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ China Reopening ที่ลุ้น Upside เพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจไทยจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาตรการจำกัดการเดินทางชาวจีนของบางประเทศ คาดจะนำตลาดได้ต่อ (AOT, AMATA, AAV, ERW, CENTEL, MINT, SNNP, WHA, SCGP, DOHOME, MC, NER, AP, SIRI, SISB, PRM, PLANB, SC) และกลุ่ม PETRO (PTTGC, SCC) Packaging (SCGP)
2) หุ้นกลุ่มเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐฯ ผสานหุ้น Consumer พื้นฐานมั่นคง (CRC, HMPRO, MAKRO, CPALL, BJC, BBL, ADVANC, AMATA, SAPPE, ICHI)
3) หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์การใช้ดอกเบี้ยสูงยาวขึ้น (BBL, KTB, SCB, BLA, TLI) รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าระยะสั้น (SAPPE, AAI, ITC)
4) Election Play (PR9, SIRI, SC, PLANB)
5) Summer Play (OSP, ICHI, SAPPE, GLOBAL, STEC, CRC, MINT, CENTEL) และ
6) กลุ่ม Anti-Commodities (GULF, GPSC, BGRIM, SCGP)
ส่วน หุ้นกลุ่ม High Growth (BE8, BBIK)ให้เน้นหาจังหวะลงทุนระยะยาว
Nomura Best Picks: AOT, ICHI, SAPPE
แต่การเร่งขึ้นดอกเบี้ย หากเกิดขึ้น เราเชื่อว่าท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำให้เชิงเปรียบเทียบ
เชื่อว่าไทยที่ภาพเศรษฐกิจปี 23-24 จะเห็นการเติบโตชัดเจน +4.0% และ +3.9% จากแรงหนุนภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวไปในทางทิศทางที่อยู่ในกรอบบนของที่ตลาดมองภาพไว้ รวมถึงมีความคาดหวังเชิงบวกเศรษฐกิจระยะกลางจากการเลือกตั้งใหญ่ ผสาน หุ้นไทยผ่านการปรับฐานจนมี PER2023 เหลือ 15.5 เท่า (VS avg. 17.3 เท่า) จึงมองตลาดหุ้นไทยประคองตัวได้
ขณะที่คงมุมมองกรอบ SET บริเวณ 1635-1610 จุดเป็นโซนที่แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุน โดยเราแนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุน 5% (เราแนะนำตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.)
ทั้งนี้ เรายังคงคาดSET Index เดินหน้าสู่เป้าหมายปี 2023 ที่ 1800จุด อิง ERP เฉลี่ย 3.06% ให้ลงทุนหุ้นไทยโดยมีน้ำหนัก 75%
แนะนำ 1) หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ China Reopening ที่ลุ้น Upside เพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจไทยจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาตรการจำกัดการเดินทางชาวจีนของบางประเทศ คาดจะนำตลาดได้ต่อ (AOT, AMATA, AAV, ERW, CENTEL, MINT, SNNP, WHA, SCGP, DOHOME, MC, NER, AP, SIRI, SISB, PRM, PLANB, SC) และกลุ่ม PETRO (PTTGC, SCC) Packaging (SCGP)
2) หุ้นกลุ่มเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐฯ ผสานหุ้น Consumer พื้นฐานมั่นคง (CRC, HMPRO, MAKRO, CPALL, BJC, BBL, ADVANC, AMATA, SAPPE, ICHI)
3) หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์การใช้ดอกเบี้ยสูงยาวขึ้น (BBL, KTB, SCB, BLA, TLI) รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าระยะสั้น (SAPPE, AAI, ITC)
4) Election Play (PR9, SIRI, SC, PLANB)
5) Summer Play (OSP, ICHI, SAPPE, GLOBAL, STEC, CRC, MINT, CENTEL) และ
6) กลุ่ม Anti-Commodities (GULF, GPSC, BGRIM, SCGP)
ส่วน หุ้นกลุ่ม High Growth (BE8, BBIK)ให้เน้นหาจังหวะลงทุนระยะยาว
Nomura Best Picks: AOT, ICHI, SAPPE
ที่เกี่ยวข้อง
