Talk of The Town
SCBX ไตรมาส 3/67 ฟันกำไร 1.09 หมื่นลบ. ส่วนงบ 9 เดือนกำไรสุทธิลดลง เหตุรับรู้ผลขาดทุนขาย "Robinhood"
21 ตุลาคม 2567
บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่าบริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 10,941 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างมากของ CardX

ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอัตราผลตอบแทนจากการสินเชื่อที่สูงขึ้นของธนาคาร และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง อย่างไรก็ตาม กำไรเหล่านี้ถูกหักลบบางส่วนจากการขาดทุนจากการขาย PPV รายได้จากการลงทุนที่ลดลง เนื่องจากการปรับมูลค่าตามราคาตลาดในพอร์ตการลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2567 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ไม่รวมผลกระทบจาก Robinhood ลดลงจากปีก่อนหน้า และไตรมาสก่อนเป็น 40.9% เทียบกับ 42.7% ในไตรมาส 3/66 และ 41.2% ในไตรมาส 2/67 ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงจากปีก่อนหน้าไปอยู่ที่ 1.10 หมื่นล้านบาท หรือ 1.80% ของสินเชื่อรวม
โดยการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของ CardX ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของธนาคารลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากไม่มีการตั้งสำรองเพิ่มเติมบนพื้นฐานความรอบคอบที่บันทึกไว้ในไตรมาส 3/66
สำหรับการเติบโตด้านสินเชื่อโดยรวมของกลุ่มลดลง 0.9% จากปีก่อนหน้า โดยลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจของธนาคาร และการลดลงของสินเชื่อที่ CardX เนื่องจากให้ความสำคัญกับลูกค้าที่มีคุณภาพ ขณะที่สินเชื่อของ AutoX ยังคงเติบโตต่อไป แม้ว่าจะเติบโตในอัตราที่ช้าลง คุณภาพสินทรัพย์ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 3.38% บริษัทยังคงบริหารจัดการสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการขายและการตัดจำหน่าย ในขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังอยู่ในระดับสูงที่ 163.9%
สำหรับเก้าเดือนแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 32,236 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการขาดทุนจากการขายบริษัท PPV ในไตรมาส 3/67 ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ในไตรมาส 2/67 และกำไรจากการลงทุนที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มขึ้น และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจะลดลง
ทั้งนี้ ในเดือนกันยายน 2567 บริษัทได้ยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank ต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)โดยจัดตั้งกลุ่มบริษัทร่วมกับ KakaoBank ซึ่งเป็นธนาคารดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ และ WeBank ซึ่งเป็นธนาคารดิจิทัลชั้นนำของจีน ประสบการณ์และความสามารถด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งของทั้งสองพันธมิตรพร้อมกับตำแหน่งที่มั่นคงของ SCBX ในประเทศไทย จะช่วยให้ Virtual Bank ของ SCBX ประสบความสำเร็จในอนาคต โดยธปท. จะใช้เวลาประมาณเก้าเดือนในการพิจารณาใบสมัครและคาดว่าจะประกาศผู้ชนะใบอนุญาตสามรายภายในกลางปี 2568

ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอัตราผลตอบแทนจากการสินเชื่อที่สูงขึ้นของธนาคาร และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง อย่างไรก็ตาม กำไรเหล่านี้ถูกหักลบบางส่วนจากการขาดทุนจากการขาย PPV รายได้จากการลงทุนที่ลดลง เนื่องจากการปรับมูลค่าตามราคาตลาดในพอร์ตการลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2567 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ไม่รวมผลกระทบจาก Robinhood ลดลงจากปีก่อนหน้า และไตรมาสก่อนเป็น 40.9% เทียบกับ 42.7% ในไตรมาส 3/66 และ 41.2% ในไตรมาส 2/67 ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงจากปีก่อนหน้าไปอยู่ที่ 1.10 หมื่นล้านบาท หรือ 1.80% ของสินเชื่อรวม
โดยการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของ CardX ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของธนาคารลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากไม่มีการตั้งสำรองเพิ่มเติมบนพื้นฐานความรอบคอบที่บันทึกไว้ในไตรมาส 3/66
สำหรับการเติบโตด้านสินเชื่อโดยรวมของกลุ่มลดลง 0.9% จากปีก่อนหน้า โดยลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจของธนาคาร และการลดลงของสินเชื่อที่ CardX เนื่องจากให้ความสำคัญกับลูกค้าที่มีคุณภาพ ขณะที่สินเชื่อของ AutoX ยังคงเติบโตต่อไป แม้ว่าจะเติบโตในอัตราที่ช้าลง คุณภาพสินทรัพย์ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 3.38% บริษัทยังคงบริหารจัดการสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการขายและการตัดจำหน่าย ในขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังอยู่ในระดับสูงที่ 163.9%
สำหรับเก้าเดือนแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 32,236 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการขาดทุนจากการขายบริษัท PPV ในไตรมาส 3/67 ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ในไตรมาส 2/67 และกำไรจากการลงทุนที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มขึ้น และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจะลดลง
ทั้งนี้ ในเดือนกันยายน 2567 บริษัทได้ยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank ต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)โดยจัดตั้งกลุ่มบริษัทร่วมกับ KakaoBank ซึ่งเป็นธนาคารดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ และ WeBank ซึ่งเป็นธนาคารดิจิทัลชั้นนำของจีน ประสบการณ์และความสามารถด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งของทั้งสองพันธมิตรพร้อมกับตำแหน่งที่มั่นคงของ SCBX ในประเทศไทย จะช่วยให้ Virtual Bank ของ SCBX ประสบความสำเร็จในอนาคต โดยธปท. จะใช้เวลาประมาณเก้าเดือนในการพิจารณาใบสมัครและคาดว่าจะประกาศผู้ชนะใบอนุญาตสามรายภายในกลางปี 2568
ยอดนิยม
GULF ลั่นกรณี KBANK ซื้อหุ้นคืน จำกัดสิทธิ "ซื้อขายหุ้น" ของบริษัทไม่ได้ แม้ KBANK ร่อนหนังสือวอนห้ามจำหน่าย
“พงษ์ศักดิ์” ทุ่ม 3.5 พันลบ. เทนเดอร์ SVI หุ้นละ 7.50 บาท ก่อนเพิกถอนออกจากตลาดหุ้น
“เซียนมี่” รับทรัพย์ 146 ลบ. หลัง “พงศ์ศักดิ์” ทำเทรนเดอร์ หุ้น SVI ที่ราคา 7.50 บาท
โบรกฯ คาด IRPC พลิกมีกำไร ครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส หลังสต๊อกน้ำมันเป็นบวก-GIM พุ่ง