บล.เอเซีย พลัส (ASPS) เผยบทวิเคราะห์หลังคณะกำการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ปรับลดค่า Ft งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 สำหรับประเภทธุรกิจ อุตสาหกรรมบริการลง 35.52 สตางค์/หน่วย จากเดิมอยู่ที่ 190.44 สตางค์/หน่วย มาอยู่ที่ 154.92 สตางค์/หน่วย ซึ่งเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐาน 3.79 บาท/หน่วย จะส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้างวดใหม่สำหรับกลุ่มดังกล่าวลดลงมาอยู่ที่ 5.33 บาท/หน่วย จากเดิม 5.69 บาท/หน่วย โดยยังคงอัตราค่าไฟประเภทบ้านอยู่อาศัยเท่าเดิมที่ 4.72 บาท/หน่วย
แม้การประกาศปรับค่า Ft รอบใหม่จะส่งให้อัตรากำไรของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ในงวด ไตรมาส 1/66 อาจปรับตัวลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้า แต่ภาพรวมการปรับขึ้นค่า Ft สำหรับรอบ ม.ค.-เม.ย. 2566 ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่างวด ก.ย.-ธ.ค. 2565 อยู่มาก ซึ่งคาดช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่มีสัดส่วนขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมค่อนข้างสูงอย่าง BGRIM , GPSC , GULF ในงวดไตรมาส 1/66 ยังเห็นการปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/65 ได้
อีกทั้ง ด้วยสถานการณ์ต้นทุนก๊าซฯที่เริ่มเห็นการทยอยปรับตัวลดลง และค่า Ft ที่เพิ่มขึ้น จึงคาดผลประกอบการของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP จะเริ่มผ่านพ้นจุดต่ำสุดในงวดไตรมาส 3/65 มาแล้ว ฝ่ายวิจัยจึงคงคำแนะนำทยอยสะสมลงทุนสำหรับ GULF ให้ราคาเป้าหมายที่ 65 บาทต่อหุ้น และหุ้น GPSC ให้ราคาเป้าหมายที่ 76 บาทต่อหุ้น
ที่เกี่ยวข้อง
