Talk of The Town

เปิดอาณาจักร GULF กลุ่มบริษัทรายใหญ่ของไทย มูลค่า 1.2 ล้านล้าน


24 เมษายน 2567

ชื่อของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF บริษัทในมือของ “นาย สารัชถ์ รัตนาวะดี” ถูกพูดถึงมาอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นหุ้นยอดนิยมของนักลงทุน และเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้ารายใหญ่ของไทย

เปิดอาณาจักร GULF copy.jpg

แต่ GULF ไม่ได้มีเพียงธุรกิจโรงไฟฟ้า เพราะในช่วงที่ผ่านมา มีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีธุรกิจอะไรบ้าง และมีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจหรือไม่ ทีมข่าว Share2Trade รวบรวมมาให้นักลงทุนแล้ว

เริ่มกันที่ GULF ผู้ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) ซึ่งแบ่งการดำเนินธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจพลังงาน ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวข้องของกลุ่มบริษัทฯ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจก๊าซ 2. ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค และ 3. ธุรกิจดิจิทัล

ข้อมูล ณ วันที่ 22 เม.ย.2567 GULF มีมาร์เก็ตแคปกว่า 481,059.15 ล้านบาท ขณะที่ทิศทางการเติบโตนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 52.75 บาท/หุ้น

เบื้องต้นคาดกำไรไตรมาส 1/67 ของ GULF กลับมาที่ระดับ 3,800-4,000 ล้านบาท ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน หลังได้แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้า IPP, การปรับขึ้นค่าไฟ และค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลงตามฤดูกาล ขณะที่เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดเติบโตได้จากกำลังผลิตใหม่และต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลงจากฐานที่สูงในปีก่อน

INTUCH ปันผลจูงใจ

ต่อกันที่ INTUCH อีกหนึ่งบริษัทยอดนิยมของนักลงทุน โดยประกอบธุรกิจด้านการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ เทคโนโลยี และดิจิทัล โดยการถือหุ้นและเข้าไปบริหารงาน (Holding Company) ข้อมูล ณ วันที่ 22 เม.ย.2567 มีมาร์เก็ตแคปกว่า 214,046.40 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 21 ก.พ. 2567 GULF ถือหุ้นสัดส่วน 41.80%

ส่วนแนวโน้มการเติบโตนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ปรับคำแนะนำจากเดิม “Neutral” เป็น “Outperform” คงราคาเป้าหมาย 86.50 บาท เพราะ 1. มีปัจจัยบวกจากกำไรไตรมาส 1/67 ที่คาดจะออกมาดี และยังดูสดใสในช่วงที่เหลือของปี และ 2. คาดหวังผลตอบแทนจากปันผลปี 2567-68 ที่จูงใจราว 4.9-5.5%

ขณะที่ คาด INTUCH จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ที่ 3 พันล้านบาท ลดลง 30% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยกำไรสุทธิที่ลดลงแรงจากไตรมาสก่อน เพราะไม่ได้มีรายได้พิเศษสูงอย่างไตรมาส 4/66 ที่มีส่วนแบ่ง

กำไรจาก บมจ.ไอทีวี (บ.ย่อย) 1.5 พันล้านบาท จากการที่ ITV กลับรายการที่เคยตั้งไว้เป็นค่าใช้จ่าย (กรณีพิพาทกับ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) กลับมาเป็นรายได้ หลังคดีสิ้นสุด

ส่วนกำไรที่โตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC สูงขึ้น แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ คาดกำไรปกติ 1/67 ที่ 3.0 พันล้านบาท เติบโต 13% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 25% ของคาดการณ์กำไรทั้งปี ทำให้คงประมาณการกำไรปี 2567 – 68 ไว้ตามเดิม

ADVANC ไตรมาส 1 กำไรเด่น

ส่วน ADVANC ผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม โดยรวมถึงธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และธุรกิจดิจิทัล เซอร์วิส โดยภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 20 ก.พ. 2567 INTUCH เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในสัดส่วน 40.44% และข้อมูล ณ วันที่ 22 เม.ย.2567 มีมาร์เก็ตแคปกว่า 587,406.42 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มการเติบโตนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเป้าหมาย 245.00 บาทต่อหุ้น คาดกำไรปกติไตรมาส 1/67 ที่ 7.5 พันล้านบาท เติบโต 6.6% จากไตรมาสก่อน และเติบโต12.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยกำไรที่เติบโตเด่นจากไตรมาสก่อน ดีกว่าตลาดคาดก่อนหน้าจะไม่เติบโต เพราะก่อนหน้าตลาดประเมินว่าไตรมาส 1/67 จะเป็นไตรมาสแรกที่รับผลกระทบเชิงลบจากดีล TTTBB เต็มไตรมาสแรกเทียบกับไตรมาส 4/66 ที่รับรู้ TTTBB ครึ่งไตรมาส โดยกำไรปกติที่เติบโตจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อนมาจากรายได้หลักที่เติบโตเด่นและค่าใช้จ่ายที่ถูกควบคุมอย่างเข้มข้น

THCOM อัตราแลกเปลี่ยนหนุนกำไรพุ่ง

ตามด้วย THCOM ประกอบธุรกิจในกลุ่มธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. ธุรกิจดาวเทียมและบริการที่เกี่ยวเนื่อง 2. ธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ 3. ธุรกิจโทรศัพท์ในต่างประเทศ 4. ธุรกิจร่วมทุนอื่น ข้อมูล ณ วันที่ 22 เม.ย.2567 มีมาร์เก็ตแคป13,701.27 ล้านบาท โดยบริษัท กัลฟ์ เวนเชอร์ส จำกัด บริษัทย่อยของ GULF เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 THCOM ในสัดส่วน 41.14%

ขณะที่แนวโน้มการเติบโตนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเป้าหมาย 18.90 บาทต่อหุ้น คาดผลประกอบการปกติไตรมาส 1/67 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน สะท้อนงบผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 จะเด่นจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน

ทั้งนี้คาดไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 253 ล้านบาท เติบโตโดเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท แต่หากตัดกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 230 ล้านบาท ผลประกอบการปกติคาดมีกำไร 23 ล้านบาท ดีขึ้นเทียบกับกำไรปกติ 5 ล้านบาทในไตรมาส 4/66 แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลประกอบการที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน มาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นและสะท้อนว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

GULF ขยายการลงทุนต่อเนื่อง

ในช่วงที่ผ่านมา GULF ส่งบริษัทย่อยอย่าง บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด (Gulf Innova) เข้าลงทุนธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ร่วมกับ Binance Capital Management Co., Ltd. (“Binance Capital Management”) โดยจัดตั้งบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Gulf Binance) ซึ่ง Gulf Innova ถือหุ้น 51% และ Binance Capital Management ถือหุ้น 49% ซึ่งปัจจุบันได้เปิดดำเนินการ Digital Asset Exchange ไปแล้ว

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ปัจจุบันธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ซึ่งการเติบโตของ ธุรกิจดังกล่าวจะยังต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และความร่วมมือของหน่วยงาน ทุกภาคส่วน ดังนั้นการให้ความรู้ จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้ผู้คนเริ่ม ยอมรับในสินทรัพย์ดิจิทัลได้มากยิ่งขึ้น

แต่อย่างไรก็ตามในมุมของ GULF การเข้าสู่ธุรกิจดังกล่าว ถือเป็นมุมมองเชิงบวกในระยะยาว จากโอกาสในการสร้างฐาน กำไรใหม่ๆ และต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องได้ในอนาคต

นอกจากนี้ GULF ยังมีการลงทุน KBANK จำนวน 20,542,400 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.87% อ้างอิงข้อมูลภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 14 มี.ค. 2567

เปิดอาณาจักร GULF 1-1 copy.jpg