Talk of The Town

บอสใหญ่ SUPER "จอมทรัพย์ โลจายะ" ลุยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตกว่า 53 ล้านหุ้น ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง


19 เมษายน 2567
แม้ราคาหุ้น บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และลงไปทดสอบจุดต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ระดับ 0.27 บาท/หุ้น เมื่อเทียบกับราคาย้อนหลัง 1 ปีเคยอยู่ในระดับสูงถึง 0.68 บาท/หุ้น

TOT แนวนอน บอสใหญ่ SUPER จอมทรัพย์ โลจายะ_0.jpg

ปัจจัยลบส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้น SUPER ปรับตัวลดลง ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน มาจากความกังวลปัญหาการคืนหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนเมษายน 2567 
แม้จะได้รับคำยืนยันจาก “จอมทรัพย์ โลจายะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUPER ว่า มีเงินทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอในการชำระคืนหนี้หุ้นกู้ทั้งหมดไม่มีปัญหาแต่ประการใด
แต่เอาเข้าจริงด้วยภาวะตลาดหุ้นกู้ที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น และภาวะตลาดหุ้นไทยที่มีความผันผวน แกว่งตัว “ขาลง” จากความกังวลเศรษฐกิจในประเทศ และจากความกังวลปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ประทุขึ้นกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง จากแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง แน่นอนว่า ราคาหุ้น SUPER ย่อมได้รับผลกระทบ 
ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลของ Share2Trade พบว่าตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาที่ราคาหุ้น SUPER ปรับตัวลดลง จากที่เคยยืนอยู่ในระดับ 0.43 บาท/หุ้น และลดลงต่ำสุดที่ 0.27 บาท/หุ้น 

โดยพบว่า “จอมทรัพย์ โลจายะ” ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ และ CFO ได้เข้าซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน เป็นจำนวนรวม 53,883,900 หุ้น ราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 0.29-0.42 บาท/หุ้น

ดังนั้นเองจึงถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า เขามีความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานธุรกิจ และโอกาสการเติบโตของ SUPER ในอนาคต หากเทียบราคาในกระดานวันที่ 19 เมษายน 2567 ราคาหุ้น SUPER อยู่ที่ 0.29 บาท/หุ้น คิดเป็น P/BV ที่ 0.41 บาท/หุ้นสะท้อนให้เห็นว่าราคาหุ้น SUPER ยังไม่สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐาน 

ขณะที่แผนการดำเนินงานของ SUPER ในปี 2567 บริษัทฯมีความพร้อมในการขยายธุรกิจ และพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจาก มีการวางแผนทางการเงินเพื่อให้สามารถรองรับแผนการขยายธุรกิจ สนับสนุนการเติบโตของบริษัท โดยในปี 2567 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต สร้างสถิติสูงสุดใหม่ จากปี 2566 มีรายได้รวม 10,130.71 ล้านบาท 

ทั้งนี้ บริษัทฯมีพันธมิตรที่เข้าร่วมทุน ได้แก่  AC ENERGY VIETNAM INVESTMENTS PTE. LTD. (ACEV) เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 49% ในธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศเวียดนาม จำนวน 9 โครงการ กำลังการผลิต 836.72 เมกะวัตต์

ล่าสุดกองทุนพลังงานในประเทศอังกฤษ บริษัทในเครือของกองทุน Actis Energy Fund 5  เข้าซื้อหุ้นบริษัท ทานตะวันโซล่าร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสัดส่วน 90% มูลค่า 4,691 ล้านบาท ซึ่งดำเนินธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย กำลังการผลิตรวม 139.40 เมกะวัตต์  

“ที่ผ่านมา บริษัททยอยปรับโครงสร้างบริหารจัดการ เร่งลดภาระหนี้ดอกเบี้ย ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ การดึงพันธมิตรเข้ามาถือหุ้นในบริษัทย่อย เป็นการเดินตามแผนและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เพราะนอกจากช่วยสนับสนุนในด้านเงิน และเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับงาน อย่างดีล Actis Energy Fund 5 ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ในไตรมาส 2 ของปีนี้ รวมทั้งยังมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารกรุงเทพ พร้อมสนับสนับสนุนการขยายโรงไฟฟ้าใหม่อีกด้วย” นายจอมทรัพย์ กล่าว 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUPER กล่าวอีกว่า รายได้ในปีนี้จะมาจากการทยอยรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์ (COD) วินด์ฟาร์มในเวียดนาม กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ และในปี 2568 จำนวน 100-141 เมกะวัตต์ รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ โซลาร์รูฟท็อป โครงการการขยายงานสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) และโครงการ SPP HYBRID เป็นต้น 

นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนเข้าประมูลขายไฟฟ้าในส่วนของพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 3,600-5,000 เมกะวัตต์ของภาครัฐ โดยตั้งเป้าได้งานไม่น้อยกว่า 10% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 

ปัจจุบัน SUPER มีกำลังการผลิตตามปริมาณเสนอขายตาม PPA ที่ 2,369 เมกะวัตต์ COD ไปแล้ว 1,626 เมกะวัตต์ และปี 2570 ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้ากว่า 2,200 เมกะวัตต์ และมีรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดสร้างสถิติสูงสุดใหม่