บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ขอแจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 บริษัท เมตะ เอส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ที่ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ได้ลงนามสัญญาซื้อขายกับบริษัท เอเคเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“AKS”) เพื่อซื้อบ้านจำนวน 104 หลัง พื้นที่ส่วนกลาง สาธารณูปโภค สิ่งปลูกสร้าง บนพื้นที่ดินรวม 3,974.20 ตารางวา รวมถึงใบอนุญาตจัดสรรที่ดินของโครงการ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในโครงการ เอคิว เชดิ ชลบุรี-บายพาส (AQ SHADI CHONBURI – BYPASS) (“ทรัพย์สินที่ซื้อขาย”) กล่าวคือ โครงการเอคิว เชดิ ชลบุรี – บายพาส (AQ SHADI CHONBURI – BYPASS) ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านสวน และตำบลนาป่า อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ดำเนินการก่อสร้างและพัฒนาโดย AKS ในมูลค่าซื้อขายรวม 127,400,000 บาท ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริษัท ในการประชุมครั้งพิเศษที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567
สำหรับการกำหนดมูลค่าสิ่งตอบแทนของรายการดังกล่าวมาจากการเจรจาและตกลงร่วมกันระหว่างบริษัทฯ และ AKS โดยมูลค่าสิ่งตอบแทน จำนวน 127,400,000 บาท เป็นราคาที่มีฝ่ายบริหารพิจารณาจากมูลค่าทรัพย์สินที่ซื้อ ขายที่ได้รับการประเมินโดยบริษัท 1989 คอนซัลแทนส์ จำกัด นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ของการ ได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ซื้อขาย ที่จัดทำโดย บริษัท ดิสคัฟเวอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (จำนวน 112 หลัง ณ วันที่ 25 มีนาคม 2567) ซึ่งมีความเห็นว่า ทรัพย์สินที่ซื้อขายมีความเป็นไปได้ในการลงทุน โดยในการลงทุนจะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการ อยู่ระหว่างร้อยละ 41.53 – 70.24 และมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ของผู้ถือหุ้น ระหว่างร้อยละ 57.62 – 98.35 (บนสมมุติฐานราคาขายบ้านหลังละ 3.37 -3.73 ล้านบาท) และมีมูลค่า ปัจจุบันของกระแสเงินสดเป็นบวก รวมถึงมีระยะเวลาคืนทุนอยู่ระหว่าง 1.91 – 2.19 ปี
บริษัทฯ คาดว่าการซื้อขายทรัพย์สินที่ซื้อขายดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ ได้รับผลประโยชน์ โดยที่บริษัทจะสามารถ สร้างรายได้และผลกำไรเพิ่มมากขึ้น เป็นการต่อยอดธุรกิจก่อสร้างที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญไปสู่ธุรกิจพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ภายหลังจากการซื้อทรัพย์สินที่ซื้อขาย บริษัทฯ ได้จัดเตรียมบุคลากรที่มีความรู้ ประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อรองรับการบริหารและจัดการทรัพย์สินที่ซื้อขาย และมีแผน ดำเนินงานในการก่อสร้างและการตลาดที่ชัดเจน รวมถึงมีพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านการขายมาดำเนินการร่วมกัน โดยมี ระยะเวลาโครงการทั้งสิ้นไม่เกิน 3 ปี ทั้งนี้ เพื่อให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นไปตามที่บริษัทฯ ได้ประมาณการไว้
สำหรับการกำหนดมูลค่าสิ่งตอบแทนของรายการดังกล่าวมาจากการเจรจาและตกลงร่วมกันระหว่างบริษัทฯ และ AKS โดยมูลค่าสิ่งตอบแทน จำนวน 127,400,000 บาท เป็นราคาที่มีฝ่ายบริหารพิจารณาจากมูลค่าทรัพย์สินที่ซื้อ ขายที่ได้รับการประเมินโดยบริษัท 1989 คอนซัลแทนส์ จำกัด นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ของการ ได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ซื้อขาย ที่จัดทำโดย บริษัท ดิสคัฟเวอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (จำนวน 112 หลัง ณ วันที่ 25 มีนาคม 2567) ซึ่งมีความเห็นว่า ทรัพย์สินที่ซื้อขายมีความเป็นไปได้ในการลงทุน โดยในการลงทุนจะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการ อยู่ระหว่างร้อยละ 41.53 – 70.24 และมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ของผู้ถือหุ้น ระหว่างร้อยละ 57.62 – 98.35 (บนสมมุติฐานราคาขายบ้านหลังละ 3.37 -3.73 ล้านบาท) และมีมูลค่า ปัจจุบันของกระแสเงินสดเป็นบวก รวมถึงมีระยะเวลาคืนทุนอยู่ระหว่าง 1.91 – 2.19 ปี
บริษัทฯ คาดว่าการซื้อขายทรัพย์สินที่ซื้อขายดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ ได้รับผลประโยชน์ โดยที่บริษัทจะสามารถ สร้างรายได้และผลกำไรเพิ่มมากขึ้น เป็นการต่อยอดธุรกิจก่อสร้างที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญไปสู่ธุรกิจพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ภายหลังจากการซื้อทรัพย์สินที่ซื้อขาย บริษัทฯ ได้จัดเตรียมบุคลากรที่มีความรู้ ประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อรองรับการบริหารและจัดการทรัพย์สินที่ซื้อขาย และมีแผน ดำเนินงานในการก่อสร้างและการตลาดที่ชัดเจน รวมถึงมีพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านการขายมาดำเนินการร่วมกัน โดยมี ระยะเวลาโครงการทั้งสิ้นไม่เกิน 3 ปี ทั้งนี้ เพื่อให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นไปตามที่บริษัทฯ ได้ประมาณการไว้
ที่เกี่ยวข้อง
