จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : “เศรษฐกิจฟื้น-บริหารต้นทุนดี” โบรกฯแนะนำ “ซื้อ” SFLEX


29 กุมภาพันธ์ 2567

โบรกเกอร์ประสานเสียง หนุนลงทุน บมจ.สตาร์เฟล็กซ์  (SFLEX)  มั่นใจกำไรเติบโตโดดเด่น  ผลจากการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบได้ดี และกำลังซื้อดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว

รายงานพิเศษ SFLEX copy.jpg

บล.เคจีไอ  วิเคราะห์ฐานะบมจ.สตาร์เฟล็กซ์  (SFLEX) โดยระบุว่า SFLEX รายงานกำไรปี 2566 = 184 ล้านบาท (+235% YoY) ตามคาด โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรโตในปีที่ผ่านมาคือ การฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 24% จาก 12.6% ในปี 2565 สำหรับกำไร 4Q66 โต +33% YoY เป็น 44 ล้านบาท แต่ชะลอตัวลง -9% QoQ 

โดยกำไรที่โตเด่น YoY เป็นผลมาจาก อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 25.3% จาก 15.3% ใน 4Q65 อย่างไรก็ดีกำไรที่ชะลอตัวลง QoQ เป็นผลจากรายจ่าย SG&A และดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยรายจ่าย SG&A และดอกเบี้ยจ่าย เพิ่มขึ้นในช่วงของการทำดีล JV ซื้อหุ้น Starprintโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เวียดนามร่วมกับทาง SCGP* รวมทั้งมีการจ่ายโบนัสพนักงานเพิ่มขึ้น

บล.เคจีไอ ประเมินกำไรปี 2567 จะได้แรงหนุนจาก 2 ปัจจัยหลัก

1.อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะสูงต่อเนื่อง  เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่สามารถบริหารจัดการได้ และการคัดกรองกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำออก มุ่งเน้นที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง อย่างไรก็ดีเราใช้สมมติฐานที่อนุรักษ์นิยมโดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ที่ 22.5% ลดลงจาก 24% ในปีก่อน 

2.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะภาคการบริโภคในประเทศ ซึ่งลูกค้าหลักของ SFLEX คือ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภค – บริโภคชั้นนำของโลก  อาทิ ยูนิลีเวอร์  P&G   เครือสหพัฒน์   เป็นต้น ขณะที่ Non-organic growth ที่จะเข้ามาช่วยหนุนให้กำไรปีนี้ทำจุดสูงสุดใหม่ได้ คือ การเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ JV 2 โครงการ

โครงการแรกที่รับรู้รายได้ตั้งแต่ 1Q67 คือ การ JV กับ SCGP* เข้าซื้อหุ้นโรงงาน Starprint เวียดนาม อย่างไรก็ดีเนื่องจากเศรษฐกิจเวียดนามที่อ่อนแอกว่าคาด  เราจึงปรับลดประมาณการฯส่วนแบ่งกำไรปีนี้ลงเป็น 30 ล้านบาท (เดิม 37 ล้านบาท) และโครงการ JV กับทาง TU* หรือ โครงการ Star Union ที่จะเป็นการผลิตบรรจุภัณฑ์ให้กับทางกลุ่ม TU* โดยตรง จะเริ่มดำเนินการผลิตได้ใน 3Q67 นี้ เราคาดว่าจะเริ่ม Break-even ได้ใน 4Q67 และเริ่มมีกำไรในปี 2568

บล.เคจีไอ จึงปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2567 ขึ้นเป็น 22.5% จากเดิม 20.5% อย่างไรก็ดี เราปรับสมมติฐานรายจ่าย SG&A ขึ้น รวมทั้งปรับลดสมมติฐานส่วนแบ่งรายได้จากโครงการ JV กับ SCGP* ลง สุทธิแล้ว ทำให้ยังคงประมาณการกำไรไว้ตามเดิมที่ 215 ล้านบาท หรือโต +17% YoY

Valuation ที่ถูกด้วย Forward PE ต่ำเพียง 12.7 เท่า หรือคิดเป็นราว -1.3 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 6.0 บาท อิง Forward PE 23 เท่า หรือคิดเป็นราว -0.7 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต 

ส่วนบล.หยวนต้าวิเคราะห์หุ้น SFLEX  โดยระบุว่า บริษัทรายงานกำไรปกติ 4Q66 ที่ 42 ล้านบาท ลดลง QoQ จากค่าใช้จ่าย SG&A และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจากการเข้าลงทุนใน SPV แต่เติบโต YoY จากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นมาก

ซึ่งบริษัทประกาศจ่ายปันผลงวด 2H66 จำนวน 0.045 บาท/หุ้น (Dividend  Yield 1.3%, XD 14 มี.ค.)

บล.หยวนต้า จึงปรับกำไรปี 2567 เป็น 224 ล้านบาท จากการปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นและการรวมส่วนแบ่งกำไรจาก SPV ไว้ในประมาณการ

เราคงมุมมองบวกต่อผลประกอบการของ SFLEX ในปี 2567 โดยคาดกำไรปกติสามารถเติบโตได้ YoY ทุกไตรมาสจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SPV ราว 10-15 ล้านบาท/ไตรมาส

และปรับราคาเหมาะสมเป็น 4.60 บาท/หุ้น ขณะที่ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER2567 เพียง 12.2 เท่า หรือคิดเป็น PEG เพียง 0.9 เท่า (อิงการเติบโตระหว่างปี 2567-69 ที่ระดับ 14.0% CAGR)  จึงคงคำนะนำ “ซื้อ”