ในโลกการลงทุนและการเงิน คำว่า PEG ไม่ได้ย่อมาจาก Percutaneous Endoscopic Gastrostomy หรือแปลเป็นไทยว่า การใส่สายให้อาหารทางหน้าท้องโดยใช้กล้องส่องกระเพาะอาหาร ทว่า PEG ตัวนี้เป็นอัตราส่วนชนิดหนึ่ง ย่อมาจากคำเต็มๆ ว่า Price/Earnings to Growth Ratio เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์หุ้น โดยใช้เปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้น (Price) กับ อัตราการเติบโตของกำไร (Growth)

หลายๆ คนน่าจะคุ้นชินกับคำว่า PE หรือ P/E มากกว่า โดยทั้ง PE และ PEG จริงๆ แล้วก็เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกันโดยตรง ส่วนสิ่่งที่ต่างกันจนสังเกตชัดเจนก็คือ ตัว G หรือคำว่า Growth เท่านั้นเองซึ่งการมีคำนี้พ่วงมาทำให้ค่า PEG สะท้อนได้ถึงมิติการเติบโตหรือหดตัวด้วย ทำให้นักลงทุนสามารถใช้ PEG Ratio คัดกรองหุ้นที่มีศักยภาพ ใช้เพื่อเปรียบเทียบ PEG Ratio ของหุ้นในกลุ่มเดียวกัน หรือกระทั่งเปรียบเทียบ PEG Ratio ของหุ้นตัวเดิมในช่วงเวลาต่างๆ
วิธีการคำนวณดังนี้
PEG Ratio = PE Ratio หารด้วย อัตราการเติบโตของกำไร (ใช้ฐานกำไร 12 เดือนล่าสุด)
PE Ratio = ราคาหุ้น หารด้วย กำไรต่อหุ้น (ใช้ฐานกำไร 12 เดือนล่าสุด)
หมายเหตุ โดยปกตินักวิเคราะห์มักใช้ผลประกอบการที่่ออกมาแล้วในการคำนวณ แต่บ่อยครั้งก็อาจมีการประมาณการกำไรในอนาคตมาใช้คำนวณค่า PE ด้วย ซึ่งย่อมมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้
การตีความดังนี้
PEG Ratio < 1 : หุ้นมีราคาถูก
PEG Ratio = 1 : หุ้นมีราคาสมเหตุสมผล
PEG Ratio > 1 : หุ้นมีราคาแพง
ส่วนกรณี PEG Ratio มีค่าติดลบ จะตีความว่า กำไรของบริษัทมีการหดตัว และ/หรือหุ้นมีราคาแพง
หมายเหตุ คำว่าถูกหรือแพงไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่จะกำหนดว่าหุ้นตัวนั้นๆ ควรจะต้องซื้อทันทีหรือควรจะต้องขายทันที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อมูลแวดล้อมอื่น รวมไปถึงนโยบาย-กลยุทธ์ของผู้ลงทุนคนนั้นๆ ด้วย
ทั้งนี้จากข้อมูลหุ้นไทยล่าสุดทั้ง SET และ mai อ้างอิงราคาปิดสิ้นวันที่ 01/02/2567 เทียบกับฐานข้อมูลงบการเงินที่ประกาศออกมาแล้ว พบว่า หุ้นไทยที่มีอัตราส่วน PEG ต่ำกว่า 1 (โดยไม่นับตัวที่ติดลบ) มีจำนวนถึง 183 หลักทรัพย์ ดังตารางต่อไปนี้้


หลายๆ คนน่าจะคุ้นชินกับคำว่า PE หรือ P/E มากกว่า โดยทั้ง PE และ PEG จริงๆ แล้วก็เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกันโดยตรง ส่วนสิ่่งที่ต่างกันจนสังเกตชัดเจนก็คือ ตัว G หรือคำว่า Growth เท่านั้นเองซึ่งการมีคำนี้พ่วงมาทำให้ค่า PEG สะท้อนได้ถึงมิติการเติบโตหรือหดตัวด้วย ทำให้นักลงทุนสามารถใช้ PEG Ratio คัดกรองหุ้นที่มีศักยภาพ ใช้เพื่อเปรียบเทียบ PEG Ratio ของหุ้นในกลุ่มเดียวกัน หรือกระทั่งเปรียบเทียบ PEG Ratio ของหุ้นตัวเดิมในช่วงเวลาต่างๆ
วิธีการคำนวณดังนี้
PEG Ratio = PE Ratio หารด้วย อัตราการเติบโตของกำไร (ใช้ฐานกำไร 12 เดือนล่าสุด)
PE Ratio = ราคาหุ้น หารด้วย กำไรต่อหุ้น (ใช้ฐานกำไร 12 เดือนล่าสุด)
หมายเหตุ โดยปกตินักวิเคราะห์มักใช้ผลประกอบการที่่ออกมาแล้วในการคำนวณ แต่บ่อยครั้งก็อาจมีการประมาณการกำไรในอนาคตมาใช้คำนวณค่า PE ด้วย ซึ่งย่อมมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้
การตีความดังนี้
PEG Ratio < 1 : หุ้นมีราคาถูก
PEG Ratio = 1 : หุ้นมีราคาสมเหตุสมผล
PEG Ratio > 1 : หุ้นมีราคาแพง
ส่วนกรณี PEG Ratio มีค่าติดลบ จะตีความว่า กำไรของบริษัทมีการหดตัว และ/หรือหุ้นมีราคาแพง
หมายเหตุ คำว่าถูกหรือแพงไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่จะกำหนดว่าหุ้นตัวนั้นๆ ควรจะต้องซื้อทันทีหรือควรจะต้องขายทันที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อมูลแวดล้อมอื่น รวมไปถึงนโยบาย-กลยุทธ์ของผู้ลงทุนคนนั้นๆ ด้วย
ทั้งนี้จากข้อมูลหุ้นไทยล่าสุดทั้ง SET และ mai อ้างอิงราคาปิดสิ้นวันที่ 01/02/2567 เทียบกับฐานข้อมูลงบการเงินที่ประกาศออกมาแล้ว พบว่า หุ้นไทยที่มีอัตราส่วน PEG ต่ำกว่า 1 (โดยไม่นับตัวที่ติดลบ) มีจำนวนถึง 183 หลักทรัพย์ ดังตารางต่อไปนี้้


ยอดนิยม
NEX ผนึก "นครชัยแอร์" ชิงรถเมล์ไฟฟ้า ขสมก. มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท
บจ.ไทยเงินหนา! ปี 68 ซื้อหุ้นคืนรวมกว่า 3.7 หมื่นลบ. ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทองคำแกว่งตัวตามอารมณ์ตลาด วันสุดท้ายก่อนคริสต์มาส วอลุ่มบาง ทองไทยเปิดลบ 100 บาท เจอบาทแข็งกดดัน
กลุ่มอิเล็กฯ กำไรสะดุด เงินบาทแข็งอาจทำพิษ โบรกฯ คาดทุก 1 บาท ฉุดกำไร 7-10%