คำว่าหนี้สินมักจะให้ความรู้สึกเป็นเชิงลบ ทว่าในโลกแห่งความจริงการประกอบธุรกิจมักเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องขยายธุรกิจจากเงินกู้ยืมบ้างเพื่อเร่งการเติบโต

ในงบการเงินนั้นอัตราส่วนที่สะท้อนเรื่องหนี้สินมีอยู่หลายตัว โดย 1 ตัวที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนเพื่อนำไปวิเคราะห์หุ้นต่อได้แก่ IBD/E
IBD/E Ratio ย่อมาจาก Interest Bearing Debt to Equity Ratio แปลเป็นไทยว่า เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้วัดภาระหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยของบริษัท เทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น อัตราส่วนนี้บ่งบอกถึง "ความเสี่ยงทางการเงิน" ของบริษัท
โดยปกติหากมีค่าออกมา ต่ำ ย่อมจะดีกว่าค่าระดับสูง
ประโยชน์ของ IBD/E
นักลงทุน ใช้เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทก่อนตัดสินใจลงทุน
นักวิเคราะห์ ใช้เพื่อเปรียบเทียบบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ตัวบริษัทเอง ใช้เพื่อติดตามความเสี่ยงทางการเงินของตัวเอง และหาแนวทางในการลดภาระหนี้สิน
ตัวอย่างการใช้งาน
บริษัท A มี IBD/E Ratio 0.5 หมายความว่าบริษัท A มีหนี้สิน 50 บาท ต่อเงินทุนของตัวเอง 100 บาท
บริษัท B มี IBD/E Ratio 1.0 หมายความว่าบริษัท B มีหนี้สิน 100 บาท ต่อเงินทุนของตัวเอง 100 บาท
จากข้อมูลนี้ บริษัท A มีความเสี่ยงทางการเงินน้อยกว่าบริษัท B
อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจด้วยว่าค่า IBD/E ไม่ได้สะท้อนถึงสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท ไม่ได้สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไร รวมถึงไม่ได้สะท้อนถึงกลยุทธ์การทำธุรกิจได้ชัดเจน
อีกสิ่งที่จำต้องคำนึงของการเอาค่า IBD/E มาใช้เปรียบเทียบก็คือ ช่วงระหว่างที่งบยังออกไม่เต็มปี และ/หรือรวมไปถึงช่วงที่มีการทยอยประกาศงบการเงินนั้น เราอาจหาตัวเลขจากงบฐานเดียวกันจากหุ้นหลายๆ ตัว และ/หรือกลุ่มเดียวกันทั้งอุตสาหกรรมมาเปรียบเทียบได้ลำบากจำต้องรอเนิ่นนานกว่าจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดได้
ดังนั้นวิธีที่ง่ายกว่าก็คือการ คัดเฉพาะหุ้นที่เราสนใจเพียงไม่กี่ตัวที่ทำธุรกิจเหมือนกันมาเทียบกันเลย ซึ่งจะลดความคลาดเคลื่อนได้จากเหตุที่ระบุไปข้างต้น
อ้างอิงจากระบบ SET Smart ค้นหาจากฐานข้อมูล ณ ทั้งตลาด SET และ mai สิ้นวันที่้ 26 /1/ 2024 พบหลักทรัพย์ที่ค่าหนี้มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (อัตราส่วน IBD/E) แบบกำหนดค่าเป็น Yearly/2566 ได้รวม 31 หลักทรัพย์ดังนี้

ในงบการเงินนั้นอัตราส่วนที่สะท้อนเรื่องหนี้สินมีอยู่หลายตัว โดย 1 ตัวที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนเพื่อนำไปวิเคราะห์หุ้นต่อได้แก่ IBD/E
IBD/E Ratio ย่อมาจาก Interest Bearing Debt to Equity Ratio แปลเป็นไทยว่า เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้วัดภาระหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยของบริษัท เทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น อัตราส่วนนี้บ่งบอกถึง "ความเสี่ยงทางการเงิน" ของบริษัท
โดยปกติหากมีค่าออกมา ต่ำ ย่อมจะดีกว่าค่าระดับสูง
ประโยชน์ของ IBD/E
นักลงทุน ใช้เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทก่อนตัดสินใจลงทุน
นักวิเคราะห์ ใช้เพื่อเปรียบเทียบบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ตัวบริษัทเอง ใช้เพื่อติดตามความเสี่ยงทางการเงินของตัวเอง และหาแนวทางในการลดภาระหนี้สิน
ตัวอย่างการใช้งาน
บริษัท A มี IBD/E Ratio 0.5 หมายความว่าบริษัท A มีหนี้สิน 50 บาท ต่อเงินทุนของตัวเอง 100 บาท
บริษัท B มี IBD/E Ratio 1.0 หมายความว่าบริษัท B มีหนี้สิน 100 บาท ต่อเงินทุนของตัวเอง 100 บาท
จากข้อมูลนี้ บริษัท A มีความเสี่ยงทางการเงินน้อยกว่าบริษัท B
อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจด้วยว่าค่า IBD/E ไม่ได้สะท้อนถึงสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท ไม่ได้สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไร รวมถึงไม่ได้สะท้อนถึงกลยุทธ์การทำธุรกิจได้ชัดเจน
อีกสิ่งที่จำต้องคำนึงของการเอาค่า IBD/E มาใช้เปรียบเทียบก็คือ ช่วงระหว่างที่งบยังออกไม่เต็มปี และ/หรือรวมไปถึงช่วงที่มีการทยอยประกาศงบการเงินนั้น เราอาจหาตัวเลขจากงบฐานเดียวกันจากหุ้นหลายๆ ตัว และ/หรือกลุ่มเดียวกันทั้งอุตสาหกรรมมาเปรียบเทียบได้ลำบากจำต้องรอเนิ่นนานกว่าจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดได้
ดังนั้นวิธีที่ง่ายกว่าก็คือการ คัดเฉพาะหุ้นที่เราสนใจเพียงไม่กี่ตัวที่ทำธุรกิจเหมือนกันมาเทียบกันเลย ซึ่งจะลดความคลาดเคลื่อนได้จากเหตุที่ระบุไปข้างต้น
อ้างอิงจากระบบ SET Smart ค้นหาจากฐานข้อมูล ณ ทั้งตลาด SET และ mai สิ้นวันที่้ 26 /1/ 2024 พบหลักทรัพย์ที่ค่าหนี้มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (อัตราส่วน IBD/E) แบบกำหนดค่าเป็น Yearly/2566 ได้รวม 31 หลักทรัพย์ดังนี้

ยอดนิยม
NEX ผนึก "นครชัยแอร์" ชิงรถเมล์ไฟฟ้า ขสมก. มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท
บจ.ไทยเงินหนา! ปี 68 ซื้อหุ้นคืนรวมกว่า 3.7 หมื่นลบ. ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทองคำแกว่งตัวตามอารมณ์ตลาด วันสุดท้ายก่อนคริสต์มาส วอลุ่มบาง ทองไทยเปิดลบ 100 บาท เจอบาทแข็งกดดัน
กลุ่มอิเล็กฯ กำไรสะดุด เงินบาทแข็งอาจทำพิษ โบรกฯ คาดทุก 1 บาท ฉุดกำไร 7-10%