จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ยอดสั่งปฏิทิน ไดอารี่ การ์ดอวยพร กระตุ้นผลงานอุตสาหกรรมการพิมพ์
27 ธันวาคม 2566
ในทุกๆปี ช่วงไตรมาส 4 หรือปลายปีเป็นวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมการพิมพ์ ซึ่งมีการเปลี่ยนผ่านไปสู่ปีใหม่ จากความต้องการปฏิทิน ไดอารี่และการ์ดอวยพร กระตุ้นให้ยอดคำสั่งซื้อเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งผลงานของ บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP)
นายพงศ์ธีระ พัฒนพีระเดช ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายกสมาคมการพิมพ์ไทย ระบุ ธุรกิจการพิมพ์ในปี 67 ซึ่งเป็นปีมังกรทองพบว่า ภาคธุรกิจ ห้างร้าน ธนาคาร รัฐวิสาหกิจ มียอดคำสั่งพิมพ์ปฏิทินแบบตั้งโต๊ะและแขวน รวมถึงงานพิมพ์สมุดไดอารี่ การ์ดอวยพร ต่างๆ เพื่อมอบเป็นของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ เพิ่มขึ้นจากปี 65 สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากภาคการท่องเที่ยว และบริการภาพรวมของไทย
ซึ่งในปี 67 คาดการณ์ว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จะเติบโตประมาณ 4-5% จากปี 66 ที่คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ 5 % มีมูลค่าตลาดกว่า 3 แสนล้านบาท โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ที่ส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าที่หลากหลายโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารที่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์ทั้งประเภทกระป๋องอะลูมิเนียม บรรจุภัณฑ์พลาสติก
แม้อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อเปลี่ยนผ่านเข้าสู่บริบทใหม่ให้สอดรับกับปัญหาภาวะโลกร้อน ที่ต้องใช้วัตถุดิบที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดใช้วัตถุดิบที่ย่อยสลายยาก อาทิ การนำพลาสติกชีวภาพ มาใช้ทดแทนพลาสติกและโฟม การใช้หมึกพิมพ์ที่ผลิตจากพืช เพื่อให้เกิดการย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์ต้องสามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือใช้ช้ำได้
การขยายตัวของอุตสาหกรรมการพิมพ์ ช่วยสร้างยอดขายและรายได้ที่ยั่งยืนให้กับ บมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ที่ประกอบธุรกิจ 2 ส่วนหลัก คือ
1) เป็นผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ที่ดำเนินธุรกิจโรงพิมพ์ในลักษณะครบวงจร ตั้งแต่วางแผนการผลิตจนกระทั่งเข้าเล่มเป็นสิ่งพิมพ์สำเร็จรูป
2) การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ โดยโรงไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration)
ซึ่งในกลุ่มธุรกิจการพิมพ์ นายยุทธ ชินสุภัค ประธานกรรมการบริหาร EP มั่นใจ ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ของบริษัท ยังน่าจะเติบโตได้ในอัตราตัวเลขสองหลัก ช่วยผลักดันรายได้รวมปีนี้เติบโตเกิน50% ส่วนธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้ายังเติบโตได้ดี ตามกระแสและความต้องการใช้พลังงานสะอาด
นายพงศ์ธีระ พัฒนพีระเดช ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายกสมาคมการพิมพ์ไทย ระบุ ธุรกิจการพิมพ์ในปี 67 ซึ่งเป็นปีมังกรทองพบว่า ภาคธุรกิจ ห้างร้าน ธนาคาร รัฐวิสาหกิจ มียอดคำสั่งพิมพ์ปฏิทินแบบตั้งโต๊ะและแขวน รวมถึงงานพิมพ์สมุดไดอารี่ การ์ดอวยพร ต่างๆ เพื่อมอบเป็นของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ เพิ่มขึ้นจากปี 65 สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากภาคการท่องเที่ยว และบริการภาพรวมของไทย
ซึ่งในปี 67 คาดการณ์ว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จะเติบโตประมาณ 4-5% จากปี 66 ที่คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ 5 % มีมูลค่าตลาดกว่า 3 แสนล้านบาท โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ที่ส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าที่หลากหลายโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารที่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์ทั้งประเภทกระป๋องอะลูมิเนียม บรรจุภัณฑ์พลาสติก
แม้อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อเปลี่ยนผ่านเข้าสู่บริบทใหม่ให้สอดรับกับปัญหาภาวะโลกร้อน ที่ต้องใช้วัตถุดิบที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดใช้วัตถุดิบที่ย่อยสลายยาก อาทิ การนำพลาสติกชีวภาพ มาใช้ทดแทนพลาสติกและโฟม การใช้หมึกพิมพ์ที่ผลิตจากพืช เพื่อให้เกิดการย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์ต้องสามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือใช้ช้ำได้
การขยายตัวของอุตสาหกรรมการพิมพ์ ช่วยสร้างยอดขายและรายได้ที่ยั่งยืนให้กับ บมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ที่ประกอบธุรกิจ 2 ส่วนหลัก คือ
1) เป็นผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ที่ดำเนินธุรกิจโรงพิมพ์ในลักษณะครบวงจร ตั้งแต่วางแผนการผลิตจนกระทั่งเข้าเล่มเป็นสิ่งพิมพ์สำเร็จรูป
2) การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ โดยโรงไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration)
ซึ่งในกลุ่มธุรกิจการพิมพ์ นายยุทธ ชินสุภัค ประธานกรรมการบริหาร EP มั่นใจ ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ของบริษัท ยังน่าจะเติบโตได้ในอัตราตัวเลขสองหลัก ช่วยผลักดันรายได้รวมปีนี้เติบโตเกิน50% ส่วนธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้ายังเติบโตได้ดี ตามกระแสและความต้องการใช้พลังงานสะอาด
ที่เกี่ยวข้อง
