จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ราคาน้ำมัน “ร่วง” ลดต้นทุน ภาคขนส่งกระตุ้นผลงาน MENA
13 พฤศจิกายน 2566
ทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกและนโยบายการปรับลดราคาพลังงานของรัฐบาล ส่งผลดีต่อธุรกิจขนส่งสินค้า โดยเฉพาะ บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) จากผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 66 ที่เติบโตสร้างสถิติสูงสุดใหม่
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุ ครม. รับทราบและเห็นชอบกับแนวทางของกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง ที่กำหนดให้น้ำมันดีเซลราคาไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท ถึงสิ้นปี 2566
ส่วนน้ำมันเบนซิน ครม. มีมติให้ปรับลดอัตราภาษีสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทน้ำมันเบนซินลง 0.15 – 1 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 โดยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 2.50 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน ULG 95 และ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงประมาณ 1 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 ลดลงประมาณ 80 สตางค์ต่อลิตร
ราคาน้ำมันนับเป็นต้นทุนที่สำคัญของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคการขนส่ง ซึ่งเมื่อต้นทุนค่าขนส่งลดลงทำให้รายจ่ายลดลง ส่งผลดีต่อรายได้ สะท้อนจากแนวโน้มผลการดำเนินงานของ บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA)ที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช” มั่นใจแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 4/66 จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มขยายตัว โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งรถคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง รวมถึงแผนขยาย Fleet ธุรกิจ Mixer อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับลดลงตามนโยบายของรัฐบาล และ TDM ได้รับอานิสงส์จากรายได้จากการที่ CJ มีการขยายสาขาที่เร่งตัวขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาส 4/66 ทำให้มั่นใจแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 66 สร้างสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯ
"แม้ช่วงเดือนกันยายน และตุลาคมปริมาณฝนจะตกค่อนข้างชุก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการให้บริการบ้าง แต่ผลการดำเนินงานสะสม 9 เดือน ยังสามารถเติบโตได้ใกล้เคียงกับแผน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากบริษัทฯ มีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญธุรกิจขนส่งสินค้าทุกประเภทยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงทยอยรับรู้กำไรจาก TDM และราคาน้ำมันที่ปรับลดลงเป็นแรงหนุนทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตตามที่คาดไว้" นางสุวรรณา กล่าว
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 บริษัทที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 96% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 196 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 186 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนของปีมีกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69% จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 32 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 ก.ย.66 MENA มีรถขนส่งให้บริการ 752 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 546คัน รถเทรลเลอร์ 61 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ 108 หาง รถบรรทุกอาหารสัตว์ 23 คันและรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิรวมอีก 14 คัน โดยมีแผนขยายฟลีทรถอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านการขนส่งทั้งในส่วนของรถมิกเซอร์ รถเทลเลอร์ รถควบคุมอุณหภูมิ และรถขนส่งสินค้าเฉพาะทางเพื่อต่อยอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 790 คันภายในสิ้นปี 66 ขณะมาร์เก็ตแชร์ปัจจุบันอยู่ที่ 11%
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุ ครม. รับทราบและเห็นชอบกับแนวทางของกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง ที่กำหนดให้น้ำมันดีเซลราคาไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท ถึงสิ้นปี 2566
ส่วนน้ำมันเบนซิน ครม. มีมติให้ปรับลดอัตราภาษีสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทน้ำมันเบนซินลง 0.15 – 1 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 โดยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 2.50 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน ULG 95 และ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงประมาณ 1 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 ลดลงประมาณ 80 สตางค์ต่อลิตร
ราคาน้ำมันนับเป็นต้นทุนที่สำคัญของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคการขนส่ง ซึ่งเมื่อต้นทุนค่าขนส่งลดลงทำให้รายจ่ายลดลง ส่งผลดีต่อรายได้ สะท้อนจากแนวโน้มผลการดำเนินงานของ บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA)ที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช” มั่นใจแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 4/66 จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มขยายตัว โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งรถคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง รวมถึงแผนขยาย Fleet ธุรกิจ Mixer อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับลดลงตามนโยบายของรัฐบาล และ TDM ได้รับอานิสงส์จากรายได้จากการที่ CJ มีการขยายสาขาที่เร่งตัวขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาส 4/66 ทำให้มั่นใจแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 66 สร้างสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯ
"แม้ช่วงเดือนกันยายน และตุลาคมปริมาณฝนจะตกค่อนข้างชุก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการให้บริการบ้าง แต่ผลการดำเนินงานสะสม 9 เดือน ยังสามารถเติบโตได้ใกล้เคียงกับแผน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากบริษัทฯ มีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญธุรกิจขนส่งสินค้าทุกประเภทยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงทยอยรับรู้กำไรจาก TDM และราคาน้ำมันที่ปรับลดลงเป็นแรงหนุนทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตตามที่คาดไว้" นางสุวรรณา กล่าว
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 บริษัทที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 96% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 196 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 186 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนของปีมีกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69% จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 32 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 ก.ย.66 MENA มีรถขนส่งให้บริการ 752 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 546คัน รถเทรลเลอร์ 61 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ 108 หาง รถบรรทุกอาหารสัตว์ 23 คันและรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิรวมอีก 14 คัน โดยมีแผนขยายฟลีทรถอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านการขนส่งทั้งในส่วนของรถมิกเซอร์ รถเทลเลอร์ รถควบคุมอุณหภูมิ และรถขนส่งสินค้าเฉพาะทางเพื่อต่อยอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 790 คันภายในสิ้นปี 66 ขณะมาร์เก็ตแชร์ปัจจุบันอยู่ที่ 11%
ที่เกี่ยวข้อง
