จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : DTCENT รับอานิสงส์ภาคธุรกิจ ใช้เทคโนโลยี “AI - IoT” เพิ่มประสิทธิภาพ


19 ตุลาคม 2566
ปัจจุบันการใช้เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI  และ IoT  หรือ Internet of Things มีบทบาทและมีการนำมาใช้งานมากขึ้นในทุกอุตสาหกรรม   สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การทำธุรกิจของ บมจ ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) ที่เชี่ยวชาญด้าน GPS Tracking ,พัฒนาระบบไอโอที รวมถึงวิจัยและพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เพื่อการบริหารขนส่ง

รายงานพิเศษ DTCENT รับอานิสงส์ภาคธุรกิจ.jpg

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ไม่เพียงมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน แต่หากส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและสาขามากมาย รวมทั้งกิจกรรมด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อประโยชน์ในด้านการจัดการที่รวดเร็ว ดำเนินการโดยอัตโนมัติ สามารถลดต้นทุนและยังประหยัดเวลา

กิจกรรมที่ที่สำคัญอย่างหนึ่งในการขนส่งและโลจิสติกส์ คือ การวางแผนเส้นทางที่มีประสิทธิภาพ  ซึ่งเทคโนโลยี AI  จะเข้ามามีส่วนช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถสามารถวางแผนเส้นทางขั้นสูง ด้วยการวิเคราะห์อย่างเหมาะสม ทำให้มีต้นทุนและเวลาที่ต่ำลง ขณะเดียวกันการจัดส่งก็สามารถทำได้เร็วขึ้นมาก  

ซึ่งนอกจากธุรกิจขนส่ง  AI ยังมีความสำคัญในทุกธุรกิจ  ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ บมจ ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT)  ที่ให้บริการออกแบบ วิจัย พัฒนา จัดจำหน่าย และให้บริการอุปกรณ์ติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) และพัฒนาระบบไอโอที (IoT Solution) และ Artificial Intelligence (AI) ครบวงจร รวมถึงวิจัยและพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เพื่อการบริหารขนส่งและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

โดย “ทศพล คุณะเพิ่มศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่  DTCENT ระบุถึงงานด้าน IoT Solution และระบบ AI ว่า บริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับการขยายโครงการของภาครัฐ และเทศบาลต่างๆ  เช่น บริษัทได้รับงานโครงการระบบ AI  เพื่อบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำ ของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร  ส่วน BAMS (Business Activity Management System) เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว  ในส่วนของระบบ BIM (Building Information Modeling), EV Platform, Logistics Demand-Supply Matching Platform คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

ส่วนงาน GPS Tracking  บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดศูนย์บริการสำหรับ จำหน่าย ติดตั้งและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ GPS Tracking ในสถานีบริการน้ำมัน โดยได้เปิดให้บริการไปแล้ว 1 แห่ง  ที่ ถนนบางนา-ตราด กม.6  และเมื่อเดือนก.ย.66  ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดศูนย์บริการ แห่งที่ 2 ที่สถานีบริการน้ำมันPTT ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่  จังหวัดเชียงใหม่  และมีเป้าหมายจะเปิดศูนย์บริการฯ ให้ครบ 8 แห่งภายในปีนี้   ส่วนในปี 2567 มีแผน ที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 20 แห่ง ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

สำหรับความคืบหน้าการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนจะเป็นการนำโมเดล ระบบ GPS Tracking และ IoT Solution ร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศ ล่าสุด ได้ลงนามสัญญากับบริษัท สุดาพอนการค้า ขาเข้า-ขาออก และบริการ จำกัด และบริษัท พีทีแอล โฮลดิ้ง จำกัด  เพื่อร่วมลงทุนจัดตั้ง บริษัท ดี.ที.ซี. ลาว จำกัด ที่ สปป.ลาว  ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท มั่นใจว่าปัจจัยเหล่านี้จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนผลงานในปีนี้เติบโตที่ระดับ 10-15%

ส่วนความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบด้วย บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) วางแผนที่จะพัฒนาให้บริษัทฯ เป็น Tier 1 Supplier ในงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาจจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาสินค้าร่วมกัน และคาดว่า จะเห็นความชัดเจนภายในปีหน้าเพิ่มขึ้น ส่วนบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ขณะนี้ ร่วมวางแผนงานการดำเนินธุรกิจ ในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Supply Chain Solutions ใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้กับบริษัทฯ
         
นอกจากนี้ DTCENT ร่วมกับบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชนฯ กำลังศึกษาการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก ในรูปแบบการทำ M&A ในบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่อง คาดว่า จะมีความชัดเจนภายในปีหน้า