จับประเด็นหุ้นเด่น

สัมภาษณ์พิเศษ : "วรานนท์ คงปฏิมากร" ซีอีโอ SBNEXT กับเป้าหมายเร่งสร้างการเติบโตแบบข้ามขีดจำกัด


08 สิงหาคม 2566
ถาม-ตอบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "วรานนท์ คงปฏิมากร" กับเป้าหมายเร่งสร้างการเติบโตแบบข้ามขีดจำกัดให้ บมจ. สบาย คอนเน็กซ์ เทค (SBNEXT) คิดใหญ่ด้วยเป้ารายได้ปีนี้กระโดดไกลแตะ 4 พันล้านบาท ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายและตอบโจทย์ในวงกว้างกว่าเดิม เพิ่มเติมคุณค่าต่อสังคมไทยให้มากกว่าความเป็นน้ำ ขยายช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า เพิ่มการทำตลาดทั้ง Modern Trade และ  E-Marketplace มั่นใจนักลงทุนได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่ชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้ทันที

สัมภาษณ์พิเศษ SBNEXT.jpg
 
ธุรกิจของ SBNEXT ในวันนี้คืออะไร 
"ธุรกิจของเรามีการปรับเปลี่ยนช่วงเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนชื่อจาก บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) (TSR) มาเป็น บริษัท สบาย คอนเน็กซ์ เทค จำกัด (มหาชน) (SBNEXT) แต่สิ่งที่เรายังชำนาญคือนวัตกรรมทางด้านน้ำ โดยน้ำนี้ก็จะไปเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเรา ได้แก่ เครื่องกรองน้ำดื่ม-น้ำใช้ เครื่องทำน้ำแข็ง แล้วก็ยังมีผลิตภัณฑ์อีกหลายตัว ซึ่งธุรกิจของเรา 47 ปีที่ผ่านมาให้ความสำคัญในการพัฒนาและวิจัยสั่งสมมา กระทั่งวันนี้มาถึงจุดที่เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่จะประกาศออกไปว่า เรามีความมุ่งหวังที่จะส่งมอบนวัตกรรมดีๆ ทั้งในเรื่องน้ำ และที่มากกว่าความเป็นน้ำ ออกไปสู่สังคมไทย" 
 
การมี Sabuy Group เข้ามาถือหุ้นส่งผลอย่างไร
"แน่นอนว่า เราเป็นส่วนหนึ่งภายใต้ครอบครัวในกลุ่ม SABUY เราอยู่ในสายที่ชื่อว่า Connect ซึ่งจะเชื่อมต่อตัวเราเองไปสู่ผู้บริโภค ชื่อบริษัทของเราปัจจุบันที่เปลี่ยนมานี้เรามีการคิด ออกแบบ และต้องการที่จะให้ความหมายนี้สื่อความหมายตรงตัว รวมถึงสื่อถือการนำเทคโนโลยีไปให้ถึงผู้บริโภคผ่านสินค้าที่มีนวัตกรรม และนอกจากเรื่องชื่อแล้วเรายังเปลี่ยนแปลงในอีกหลายด้าน ยกตัวอย่างเช่น รูปแบบการขายสินค้าจากเดิมที่เน้นเดินออกขายตามชุมชนหมู่บ้าน ทั่วประเทศ แบบ Direct Sale เป็นหลัก แต่วันนี้เราจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น ด้วยช่องทางการขายที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันเราก็ได้มีการออกแบบดีไซน์เรื่องของกลุ่ม ฐานลูกค้าที่เราจะไปเข้าถึงให้กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคที่มีฐานรายได้ระดับเบื้องต้น ระดับกลาง รวมถึงระดับสูง ซึ่งแผนการตลาดของเราและแผนการดำเนินธุรกิจของเราก็จะเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมตามไปด้วย 

ตัวผลิตภัณฑ์ที่จะเพิ่มเข้ามาให้หลากหลายมีอะไรบ้าง
"เราต้องสร้างให้ผู้คนเปิดใจรับเรามากขึ้นนอกเหนือจากเครื่องกรองน้ำต่างๆ แล้ว เรายังจะเข้าไปอยู่อีกหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องฟอกอากาศเนื่องจากเรามองเห็นช่องทางจากสภาวะวิกฤตมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น เรื่องที่ 2 เรื่องของน้ำอุ่น ซึ่งมันแปลกตรงที่แม้นับวันโลกจะมีแนวโน้มร้อนขึ้นๆ แต่คนยังชอบอาบน้ำอุ่นๆ เราก็เลยคิดว่าจะนำเสนอสินค้ากลุ่มนี้เข้าไปอยู่ในสังคมให้ด้วย อีกสินค้าเป็นเครื่องปรับอากาศที่มีคุณสมบัติทั้งสร้างความเย็นสบายไปพร้อมกับประหยัดพลังงาน Air Solar ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ซึ่งเหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร ภัตตาคาร และออฟฟิศ กลุ่มลูกค้าเหล่านี้จะมั่นใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ที่เรากำลังจะนำเสนอไปสามารถคลายกังวลภาระค่าไฟฟ้า ช่วยลดต้นทุนธุรกิจของลูกค้าลงได้ ถัดมาก็เป็นเรื่องของ EV รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าซึ่งก็ต้องอาศัย EV Charger ผมเชื่อว่ารถ 1 คันต้องมีการใช้ตัวชาร์จมากกว่า 1 จุดแน่ๆ เราก็จะนำเสนอให้ได้ใช้ทั้งบ้านตัวเจ้าของรถเอง หรืออาจเพิ่มบ้านญาติๆ ไปด้วย เรายังมองถึงการนำเสนอให้ผู้ประกอบการที่มีพื้นที่นำไปบริการต่อในชุมชนต่างๆ"

วางแผนช่องทางการตลาดอย่างไร 
"พอสินค้ามีจำนวนทางเลือกมากขึ้นแล้วเนี่ย กลุ่ม Channel หรือช่องทางที่จะต้องไปเนี่ยต้องถูกขยายเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนแน่นอนจากที่เรามีทีมชำนาญทางด้าน Direct Sale ออกไปขายตามชุมชนทั่วประเทศแล้ว ช่องทางอื่นๆ ที่เราต้องการกระจายไปหากลุ่มลูกค้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Modern Trade เราจะเข้าไปเพื่อให้เราเป็นที่รู้จัก แล้วรวมไปถึงดีลเลอร์ที่มีร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งประเทศที่ยินดีที่จะร่วมจะเป็นพันธมิตรต่อกัน รวมไปถึงเราจะอยู่ใน E-Marketplace ให้ชัดเจนมากขึ้น ทำการตลาดบนนั้นให้มากขึ้นครับ"

สภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมรุนแรงไหม
"ในตลาดนี้มีการแข่งขันกันอยู่แล้ว ถือว่าการแข่งขันมีรูปแบบหลากหลายและดุเดือดพอสมควร แต่ในขณะที่เดียวกันตัวเราเองจะใช้ช่องทางและความเข้าใจในธุรกิจมาผลิตสินค้าและใส่ความเป็นนวัตกรรมเข้าไปเพื่อให้เราเป็นทางเลือกที่ถูกเลือกได้ง่ายขึ้น เราคิดว่าเรื่องแข่งขันเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งเราก็ต้องก้าวข้ามผ่านไปได้อยู่ดี"

เป้าหมายการเติบโตปีนี้ในแง่ผลประกอบการ
"จากที่เคยแถลงไว้ก็จะทราบกันดีว่าปีที่แล้ว (2565) เราปิดที่ราวๆ 1.4 พันล้านบาท เรายังคิดใหญ่ฝันใหญ่เป้ารายได้ในปีนี้ (2566) จะกระโดดไปที่ 4 พันล้านบาทให้ได้ ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ท้าทาย ดังนั้นเราจึงต้องมีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นและมีช่องทางจำหน่ายที่หลากหลายมากขึ้นเช่นกัน และอีกเป้าหมายหนึ่งคือเราจะเป็นอันดับ 1 เรื่องเครื่องกรองน้ำต่อไปโดยเราครองส่วนแบ่งตลาดนี้ถึง 20%"

ฝากถึงนักลงทุนที่สนใจ SBNEXT
"สำหรับผู้ลงทุนก็จะคงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเรา และอยากจะให้ท่านรอจับตาดูสิ่งที่จะเกิดในอนาคตอันใกล้นี้ว่าแผนการตลาดและทิศทางดำเนินธุรกิจที่เราได้พูดเอาไว้มันกำลังเกิดขึ้นจริง จากทั้งผลิตภัณฑ์ที่เราพัฒนาขึ้นเพื่อลูกค้า ช่องทางนำเสนอต่างๆ บุคลากรที่มีความชำนาญ เราได้วางทีมงานอย่างเป็นมืออาชีพเข้า มาตั้งแต่เข้าไปปีที่แล้วเพื่อที่จะเข้า มาทำงานใน Channel ต่างๆ สิ่งเหล่านี้ กำลังจะส่งผลชัดเจนในไตรมาสที่ 3 ปีนี้นะครับ"