จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : อุตฯยานยนต์มั่นใจผลิตรถปี66แตะ 1.95 ล้านคัน หนุน IHL ออเดอร์ “โตโยต้า-ฮอนด้า-นิสสัน”พุ่ง
30 มิถุนายน 2566
การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กลับมาฟื้นตัว หนุนยอดขายเบาะรถยนต์ ดันผลงานบริษัท อินเตอร์ไฮด์ (IHL) โตต่อเนื่องตามเป้าหมาย
อุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องหลังปัญหาการขาดแคลนชิป ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญในการผลิตรถยนต์คลี่คลาย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มั่นใจ ทั้งยอดการผลิตและการส่งออกจะทำได้ตามเป้าหมาย โดยยอดผลิตอยู่ที่ 1.95 ล้านคัน และ ยอดส่งออกที่ 1.05 ล้านคัน เนื่องจากคู่ค้ายังมีการเติบโตที่ดี และยอดขายในประเทศ 9 แสนคัน
ขณะที่สถานการณ์ในเดือนพ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 86,358 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.25% จากเดือน พ.ค.65 มีมูลค่าการส่งออก 54,969.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.91% จากเดือน พ.ค.65 เนื่องจากยอดขายของประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ยังขยายตัวได้ดี เช่น ญี่ปุ่นโต 25% อินโดนีเซียโต 65% มาเลเซียโต 21% อังกฤษโต 23% ฝรั่งเศสโต 24% สหรัฐฯโต 22%
ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปทั้งสิ้น 439,990 คัน เพิ่มขึ้น 17.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าการส่งออก 273,255.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน
ส่วนการผลิตในเดือน พ.ค.66 มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ 150,532 คัน เพิ่มขึ้น 16.48% จากเดือน พ.ค.65 โดยผลิตส่งออก 89,709 คัน และผลิตขายในประเทศ 60,823 คัน ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาขาดแคลนชิปจากสงครามยูเครนและการระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีนคลี่คลายลง ส่งผลให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 775,955 คัน เพิ่มขึ้น 6.72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากยอดขายรถพลังงานสันดาปแล้วในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดง
ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) มียอดจดทะเบียนใหม่ 7,132 คัน เพิ่มขึ้น 355.14% จากเดือน พ.ค.65 ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 33,365 คัน เพิ่มขึ้น 485.15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าประเภท HEV จดทะเบียนใหม่จำนวน 8,013 คัน เพิ่มขึ้น 49.44% จากเดือน พ.ค.65 ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้มียานยนต์ไฟฟ้าประเภท HEV จดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 38,647 คัน เพิ่มขึ้น 42.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
และยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV จดทะเบียนใหม่จำนวน 1,025 คัน ลดลง 2.94% จากเดือน พ.ค.65 ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 5,197 คัน เพิ่มขึ้น 6.89% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยอดขายรถยนต์ที่เติบโต ส่งผลดีต่อธุรกิจต่อเนื่อง โดยเฉพาะ บริษัท อินเตอร์ไฮด์ (IHL) ที่ธุรกิจหลักประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายหนังสำหรับเบาะรถยนต์ หนังหุ้มเบาะรถยนต์ หัวเกียร์ และพวงมาลัยรถยนต์ โดย ประธานกรรมการบริหาร “องอาจ ดำรงสกุลวงษ์” มั่นใจว่า ในปี 2566 บริษัทยังสามารถทำผลงานเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากธุรกิจผลิตเบาะหนังรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และยังมีออเดอร์จากค่ายรถยนต์พันธมิตรรายใหญ่ ทั้ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จํากัด เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และสามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็มอัตราการผลิต
ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจใหม่ มีการรับรู้รายได้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะ ธุรกิจฟอกหนังรองเท้า ผลิตหนังเฟอร์นิเจอร์ และขนมขบเคี้ยวสุนัข ส่วน คอลลาเจน Chojen (โชเจน) เน้นการขายช่องทางออนไลน์และเปิดรับตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติม รวมทั้งIHLมีการปรับกลยุทธ์ โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดได้ พร้อมมุ่งเน้นการขายสินค้าในกลุ่มที่สามารถทำกำไรได้สูงขึ้น และการควบคุมต้นทุนในการผลิต เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว
อุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องหลังปัญหาการขาดแคลนชิป ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญในการผลิตรถยนต์คลี่คลาย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มั่นใจ ทั้งยอดการผลิตและการส่งออกจะทำได้ตามเป้าหมาย โดยยอดผลิตอยู่ที่ 1.95 ล้านคัน และ ยอดส่งออกที่ 1.05 ล้านคัน เนื่องจากคู่ค้ายังมีการเติบโตที่ดี และยอดขายในประเทศ 9 แสนคัน
ขณะที่สถานการณ์ในเดือนพ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 86,358 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.25% จากเดือน พ.ค.65 มีมูลค่าการส่งออก 54,969.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.91% จากเดือน พ.ค.65 เนื่องจากยอดขายของประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ยังขยายตัวได้ดี เช่น ญี่ปุ่นโต 25% อินโดนีเซียโต 65% มาเลเซียโต 21% อังกฤษโต 23% ฝรั่งเศสโต 24% สหรัฐฯโต 22%
ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปทั้งสิ้น 439,990 คัน เพิ่มขึ้น 17.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าการส่งออก 273,255.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน
ส่วนการผลิตในเดือน พ.ค.66 มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ 150,532 คัน เพิ่มขึ้น 16.48% จากเดือน พ.ค.65 โดยผลิตส่งออก 89,709 คัน และผลิตขายในประเทศ 60,823 คัน ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาขาดแคลนชิปจากสงครามยูเครนและการระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีนคลี่คลายลง ส่งผลให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 775,955 คัน เพิ่มขึ้น 6.72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากยอดขายรถพลังงานสันดาปแล้วในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดง
ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) มียอดจดทะเบียนใหม่ 7,132 คัน เพิ่มขึ้น 355.14% จากเดือน พ.ค.65 ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 33,365 คัน เพิ่มขึ้น 485.15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าประเภท HEV จดทะเบียนใหม่จำนวน 8,013 คัน เพิ่มขึ้น 49.44% จากเดือน พ.ค.65 ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้มียานยนต์ไฟฟ้าประเภท HEV จดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 38,647 คัน เพิ่มขึ้น 42.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
และยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV จดทะเบียนใหม่จำนวน 1,025 คัน ลดลง 2.94% จากเดือน พ.ค.65 ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 5,197 คัน เพิ่มขึ้น 6.89% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยอดขายรถยนต์ที่เติบโต ส่งผลดีต่อธุรกิจต่อเนื่อง โดยเฉพาะ บริษัท อินเตอร์ไฮด์ (IHL) ที่ธุรกิจหลักประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายหนังสำหรับเบาะรถยนต์ หนังหุ้มเบาะรถยนต์ หัวเกียร์ และพวงมาลัยรถยนต์ โดย ประธานกรรมการบริหาร “องอาจ ดำรงสกุลวงษ์” มั่นใจว่า ในปี 2566 บริษัทยังสามารถทำผลงานเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากธุรกิจผลิตเบาะหนังรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และยังมีออเดอร์จากค่ายรถยนต์พันธมิตรรายใหญ่ ทั้ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จํากัด เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และสามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็มอัตราการผลิต
ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจใหม่ มีการรับรู้รายได้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะ ธุรกิจฟอกหนังรองเท้า ผลิตหนังเฟอร์นิเจอร์ และขนมขบเคี้ยวสุนัข ส่วน คอลลาเจน Chojen (โชเจน) เน้นการขายช่องทางออนไลน์และเปิดรับตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติม รวมทั้งIHLมีการปรับกลยุทธ์ โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดได้ พร้อมมุ่งเน้นการขายสินค้าในกลุ่มที่สามารถทำกำไรได้สูงขึ้น และการควบคุมต้นทุนในการผลิต เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว
ที่เกี่ยวข้อง
