Smart Investment

ทองคำขาขึ้น แต่บาทไม่อ่อน มาตรการคุมทองไร้น้ำหนักในสายตาตลาด ปี 2569 เกมใหญ่ยังอยู่ที่ ดบ.-เงินทุนเคลื่อนย้าย


28 ธันวาคม 2568

Mr.Data

ปี 69 ทองคำ_S2T (เว็บ) copy.jpg 

แม้ภาครัฐเดินหน้ามาตรการคุมซื้อขายทองคำ หวังชะลอแรงแข็งค่าของเงินบาท แต่บทวิเคราะห์จาก InnovestX และ SCB EIC ชี้ตรงกันว่า “ทองไม่ใช่ต้นตอ” ขณะที่ภาพใหญ่ปี 2569 ทองคำยังเป็นสินทรัพย์เด่น ผลตอบแทนสองหลัก ท่ามกลางดอกเบี้ยขาลงและความเสี่ยงโลกที่ยังไม่จบ

นพ.กฤชรัตน์ หิรัญญศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำปี 2569 (ปีม้า) ว่าจะเป็น “ปีม้าคึกคัก” ต่อเนื่องจากปี 2568 แม้ความร้อนแรงอาจลดลงบ้าง แต่ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 15% สูงกว่าสินทรัพย์ทางเลือกหลายประเภท ปัจจัยหนุนหลักมาจาก ทิศทางดอกเบี้ยโลก โดยคาดว่าเฟดจะเข้าสู่ช่วง ดอกเบี้ยขาลงต่อเนื่อง และอาจลดดอกเบี้ยอีก 1–2 ครั้ง หลังเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัว ขณะเดียวกัน ตัวเลขตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรง ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้เฟดผ่อนคลายนโยบาย ซึ่งเป็นบวกโดยตรงต่อราคาทองคำ

ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความตึงเครียดจากสงครามรัสเซีย–ยูเครน และสงครามการค้าที่ยังไม่ยุติ ยังคงหนุนบทบาททองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย สอดคล้องกับมุมมองสถาบันการเงินระดับโลกอย่าง JP Morgan และ Goldman Sachs ที่มองว่าราคาทองคำโลกมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่

ลุ้นปี 69 ทองแท่งบาทละ 80,000

ในเชิงราคา MTS Gold ประเมินว่า Gold Spot มีโอกาสขึ้นทดสอบ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำไทย อาจเห็นระดับ 75,000–80,000 บาทต่อบาททองคำ โดยมีค่าเงินบาทเป็นตัวแปรสำคัญ

ด้านกลยุทธ์ แนะนำ ทยอยซื้อสะสม ในช่วงพักฐาน เน้น ทองคำแท่ง 96.5% ซึ่งมีสภาพคล่องสูง และเป็นมาตรฐานตลาดไทย

บาทแข็ง…คุมทองไม่ช่วย

ขณะที่ฝั่งค่าเงิน InnovestX วิเคราะห์ว่า มาตรการของกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัรพย์ (ก.ล.ต.) ที่ออกมาเมื่อ 23 ธ.ค. เพื่อคุมซื้อขายทองคำออนไลน์ ไม่สามารถสกัดเงินบาทแข็งได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากไทยเป็นผู้นำเข้าทองคำสุทธิ ทองไม่ใช่ต้นตอ ภาษีธุรกิจเฉพาะใช้เวลานาน ไม่ทันสถานการณ์ ต้นเหตุจริงคือ ดอกเบี้ยไทยที่ตึงตัว เปิดช่อง carry trade ธปท. ลดการแทรกแซงค่าเงินลงชัดเจน ตลาดไม่เชื่อมั่น สะท้อนจากบาทที่แข็งต่อหลังประกาศมาตรการ

คาดปี 69 บาทแตะ33-34 ต่อดอลลาร์

สอดคล้องกับมุมมอง SCB EIC ที่ชี้ว่า แม้เงินบาทจะแข็งเด่นในระยะสั้น แต่ ระยะกลาง–ยาวตั้งแต่ไตรมาส 2/2569 มีความเสี่ยงกลับมาอ่อนค่า จากแรงกดดันเศรษฐกิจในประเทศ เงินทุนโลกไหลกลับสหรัฐ และบทบาทราคาทองคำต่อค่าเงินบาทที่ลดลง

SCB FM คาดกรอบค่าเงินบาทปลายปี 2569 อยู่ที่ 33.00–34.00 บาทต่อดอลลาร์

ธนาคารกลางทั่วโลกแห่ตุนทอง

ข้อมูลจาก World Gold Council ระบุว่า ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงถือครองทองคำในระดับสูง เพื่อใช้เป็นหลักประกันความมั่นคงทางการเงิน ลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ และรองรับความผันผวนเชิงภูมิรัฐศาสตร์ โดย 10 ประเทศที่มีทองคำสำรองมากที่สุดในโลก

1.สหรัฐอเมริกา 8,133.46 ตัน

2. เยอรมนี  3,350.25 ตัน

3.อิตาลี  2,451.84 ตัน

4.ฝรั่งเศส  2,437.00 ตัน

5.รัสเซีย  2,329.93 ตัน

6.จีน  2,303.51 ตัน

7.อินเดีย  880.18 ตัน

8.ญี่ปุ่น  845.97 ตัน

9.ตุรกี  641.28 ตัน

10.เนเธอร์แลนด์  612.45 ตัน

ขณะที่ ประเทศไทยอยู่อันดับ 18 ของโลก ถือครองทองคำสำรองราว 234.52 ตัน สะท้อนว่า แม้ไทยไม่ได้เป็นประเทศผู้ถือทองรายใหญ่ แต่ทองคำยังมีบทบาทสำคัญต่อเสถียรภาพระบบการเงินโดยรวม

ปี 2569 ทองคำยังเป็น “พระเอก” จากดอกเบี้ยขาลงและความเสี่ยงโลก ส่วนค่าเงินบาท แม้มาตรการคุมทองจะช่วยลดความผันผวนบางส่วน แต่ ไม่ใช่อาวุธหลัก นักลงทุนจึงควรแยกมอง “เกมทอง” กับ “เกมค่าเงิน” อย่างชัดเจน และวางพอร์ตให้รับมือทั้งโอกาสและความผันผวนที่จะตามมา

ปี 69 ทองคำ_S2T (เพจ) copy.jpg