Talk of The Town

OR อัดงบลงทุน 5 ปี 5.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มโอกาส การเติบโตระยะยาว


18 ธันวาคม 2568

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2569 - 2573) มูลค่ารวม 57,977.6 ล้านบาท ซึ่งจัดทำภายใต้วิสัยทัศน์ “Empowering All Toward Inclusive Growth” หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน” โดยหมายรวมถึงการเติบโตของผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ที่จะเติบโตไปพร้อมกับ OR

OR-อัดงบลงทุน-5-ปี-_S2T-(เว็บ)_0.jpg

โดยแผนการลงทุน 5 ปี จำนวน 57,977.6 ล้านบาท แบ่งตามกลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้ ธุรกิจ Mobility จำนวน 37,813.3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 65.2%, ธุรกิจ Lifestyle จำนวน 9,746.5 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 16.8%, ธุรกิจ Global จำนวน 6,969.2 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12% และธุรกิจ Innovation & New Business จำนวน 3,448.6 ล้านบาท คิดเป็น 6%

ขณะที่ในปี 2569 มีแผนการลงทุน จำนวน 18,697 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจ Mobility 10,317.1 ล้านบาท, ธุรกิจ Lifestyle 4,310 ล้านบาท, ธุรกิจ Global 1,373.2 ล้านบาท และธุรกิจ Innovation & New Business 2,696.7 ล้านบาท

สำหรับ OR มีแผนการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Business) ที่ยังคงมุ่งเน้นรักษาความเป็นผู้นำในประเทศไทยในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน (Oil Ecosystem) โดยการขยายเครือข่ายสถานีบริการ

รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจ Mobility สู่การเคลื่อนที่อย่างไร้รอยต่อ (Seamless Mobility) ตอบโจทย์ความต้องการใช้พลังงานของผู้บริโภคในอนาคตที่หลากหลาย รวมทั้งเตรียมความพร้อมในการขยาย จากธุรกิจน้ำมัน (Fossil Based) สู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based) เพื่อรองรับแนวโน้ม พลังงานสะอาดในอนาคต

เช่น การสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า “EV Station PluZ” การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) รวมถึงพลังงานทางเลือกอื่นในอนาคต

สำหรับการลงทุน ในกลุ่มธุรกิจ Lifestyle OR ยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มความแข็งแกร่งของร้าน Cafe Amazon ตลอด Value Chain

รวมทั้งหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตให้ครอบคลุมทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) และธุรกิจไลฟ์สไตล์อื่น ๆ เช่น ธุรกิจ Health & Wellness และธุรกิจโรงแรม เป็นต้น เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในทุกรูปแบบ (All Lifestyle)

ทั้งนี้ OR ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Global ในประเทศที่มีศักยภาพสูง และแสวงหาโอกาสการเติบโตไปยังประเทศใหม่ โดยร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ (Asset-Light Growth) และยังแสวงหาธุรกิจใหม่ (OR new S-curve ) เพื่อช่วยสนับสนุนต่อยอดในธุรกิจปัจจุบัน มุ่งหวังสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต

นอกจากนี้ OR ยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าอีกจำนวน 10,260.9 ล้านบาท โดยหลักเพื่อการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ ทั้งในและต่างประเทศให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ OR

ความเห็นนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ประเด็น บริษัทประกาศแผนการลงทุนระยะยาว 5 ปี วงเงินรวม 57,978 ลบ. โดยรวมยังมองเป็นบวกในระยะยาว โดยเฉพาะธุรกิจสถานีบริการในประเทศที่จะครบวงจรมากขึ้นจากธุรกิจ Lifestyle ทั้งในส่วนอาหารเครื่องดื่มและโรงแรมที่จะช่วยเพิ่มลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น โดยมุมมองการลงทุนระยะยาวจึงยังคงแนะนำ “ทยอยซื้อ” หรือระยะสั้นสามารถเก็งกำไรรับราคาน้ำมันโลกอ่อนตัวได้ ให้ราคาเป้าหมาย 14.50 บาท

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปรับคำแนะนำ OR ขึ้นเป็น “ซื้อ” จาก “TRADING” และปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2569 เพิ่มขึ้นเป็น 15.90 บาท/หุ้น มี Upside 21.4%

ทั้งนี้มองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงราว 4% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยลบจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและความเสี่ยงเกี่ยวกับการบันทึกรายการ Stock loss ในช่วงไตรมาส 4/2568 ไปบางส่วนแล้ว (ผลจากทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง)

โดยราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่บน PER2569 ที่ระดับ 14.8 เท่า ต่ำกว่าหุ้นกลุ่มสถานีบริการน้ำมันในต่างประเทศ โดยมองว่าราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าตามทิศทางเศรษฐกิจที่มีโอกาสฟื้นตัวหลังผ่านการเลือกตั้งและมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในช่วงครึ่งแรกขแงปี 2569 (คาดมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่) รวมถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจโรงแรม (คาดมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า)

ขณะที่เบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 4/2568 อยู่ที่ระดับ 2,400 ล้านบาท (แบบบวกลบ) เติบโตได้เล็กน้อยจากไตรมาสก่อน แม้คาดค่าการตลาดน้ำมันรวมมีโอกาสลดลงจากฐานที่สูงในไตรมาส 3/2568 ตามการบันทึกรายการ Stock gain ที่น้อยลง (คาดลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.95-1.00 บาท/ลิตร เทียบกับ 1.02 บาท/ลิตร ในไตรมาส 3/2568) เพราะคาดปริมาณขายน้ำมันรวมและปริมาณขายของ Café Amazon ที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนตามปัจจัยฤดูกาล (เข้าสู่ช่วง High Season ของการเดินทางในประเทศ) จะสามารถชดเชยผลกระทบได้

ขณะที่เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดกำไรปกติลดลงเล็กน้อยตามปริมาณขายน้ำมันรวมที่ลดลงจากฐานที่สูงในปีก่อน (ปริมาณขายน้ำมันในไตรมาส 4/2567 เป็นระดับสูงสุดรายไตรมาสที่ 7,075 ล้านลิตร) นอกจากนี้คาดกำไรปกติยังถูกกดดันจากค่าใช้จ่าย SG&A และค่าใช้จ่ายทางภาษีที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่ต่ำในปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ปรับประมาณการกำไรปี 2568-69 ขึ้น 13% โดยปี 2568 คาดมีกำไร 10,436 ล้านบาท เติบโต 22% จากปีก่อน และปี 2569 คาดมีกำไร 10,608 ล้านบาท เติบโต 2% จากปีก่อน ตามการปรับสมมติฐานค่าการตลาดน้ำมันรวมสำหรับช่วงดังกล่าวขึ้นเป็น 0.95 บาท/ลิตร (เดิม 0.85 บาท/ลิตร) เพื่อสะท้อนค่าการตลาดน้ำมันรวมที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับ 0.90-1.00 บาท/ลิตร อย่างต่อเนื่อง (สอดคล้องกับ Guidance ของบริษัทฯ)

ทั้งนี้เนื่องจาก 1. ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงส่งผลให้ฐานะทางการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบอยู่เพียง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งน้อยลงกว่าในช่วงสิ้นปี 2567 ที่ติดลบอยู่ที่ระดับ 7.8 หมื่นล้านบาท มาก (ทำให้ประเมินว่ามีโอกาสไม่มากที่ภาครัฐจะกลับมาแทรกแซงค่าการตลาดน้ำมันอีกครั้งในช่วง 12 เดือนข้างหน้า) และ 2.อัตรากำไรขั้นต้นของการขายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Jet Fuel) ยังมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

OR-อัดงบลงทุน-5-ปี-5.7-หมื่นล้านบาท_0.jpg

OR