Talk of The Town

“เสี่ยหนู” อยู่ยาว? กรณีแย่สุด! ไทย–กัมพูชาบานปลาย ฉุดเลือกตั้งเลื่อน กระทบเศรษฐกิจทั้งระบบ


15 ธันวาคม 2568

นักวิเคราะห์เปิดฉากทัศน์เลือกตั้งปี 2569 กรณี Worse case ไทยและกัมพูชายังมีความตึงเครียด จึงมีความเป็นไปได้ว่า การเลือกตั้ง รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลอาจล่าช้าไปอีกราว 1 ไตรมาส คาดผลกระทบขยายวงกว้างไปสู่ความเชื่อมั่นเชิงโครงสร้างของภาคเอกชนไทยและนักลงทุนต่างชาติ

“เสี่ยหนู” อยู่ยาว_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดว่าฉากทัศน์ (Scenario) สำหรับการ เลือกตั้งปี 2569 อาจมีความเป็นไปได้ใน 2 แนวทาง ซึ่งล้วนมีนัยสำคัญต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2569ดังนี้

Scenario1(Base case) คณะกรรมการการเลือกตั้งสามารถจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไปได้ภายในระยะเวลา 45-60 วันนับจากวันที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรมีผลบังคับใช้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 102 และมาตรา 103 ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งหากอยู่ภายใต้ Scenarioนี้ การเลือกตั้งปี 2569 น่าจะอยู่ในกรอบวันที่ 1 8 กุมภาพันธ์ 2569

โดยภายใต้สมมติฐานว่าการจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ยืดเยื้อเกินกว่าปกติ คาดว่าการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลใหม่น่าจะแล้วเสร็จได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2569 ซึ่งจะทำให้ไทยมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าบริหารประเทศได้ตามกรอบเวลาปกติ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐน่าจะกลับเข้าสู่โหมดเร่งตัวได้ในช่วงปลายไตรมาส 2-3 ก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณ 2569

จากการยุบสภาที่เร็วกว่าคาดการณ์เดิม (จากกรอบเดิมที่ประเมินว่าการเลือกตั้งน่าจะอยู่ราวปลายเดือนมีนาคม 2569) ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยอาจต้องเผชิญกับ Policygapระยะสั้นในช่วงไตรมาส 1 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้นโยบายการคลังจากภาครัฐ จึงทำให้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีจะไม่สามารถดำเนินการต่อได้

อาทิ โครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ซึ่งเดิมคาดว่าจะเป็นแรงพยุงการบริโภคภาคเอกชนภายในประเทศที่สำคัญในช่วงไตรมาส 1/2569 นอกจากนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐอื่นๆ ก็อาจล่าช้าหรือน้อยกว่าภาวะปกติ (คาดน้อยกว่าภาวะปกติราว 30%-40%)โดยเฉพาะการเบิกงบลงทุนโครงการใหม่ๆ รวมไปถึงการอนุมัติวงเงินเพิ่มเติมจากงบกลาง และการเร่งรัดโครงการนโยบายต่างๆ ที่อาจมีนัยผูกพันกับรัฐบาลถัดไป จึงส่งผลท้ายที่สุดแล้ว GDPไทยไตรมาส 1 อาจชะลอลงมากกว่าคาด

อย่างไรก็ดี ยังคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศน่าจะนำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ กลับมาเช่นเดิม ตามกรอบงบกลางที่วางไว้เดิมที่ไม่เกิน 40,000 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งพลัสที่ได้รับผลตอบรับดีในเฟสแรก ซึ่งคาดว่าช่วงเวลาการใช้งบประมาณสำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวน่าจะอยู่ราว ต้นไตรมาส 3/2569

ภายใต้การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงปลายไตรมาส 2-3/2569 ร่วมกับความคาดหวังในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จตาม Timeline ของ Scenario1 นั่นเท่ากับว่า GDPไทยไตรมาส 3/2569 อาจเติบโตดีกว่าการคาดการณ์เดิม โดยทำหน้าที่เป็นช่วง “Catch-upquarter”ที่ชดเชยความอ่อนแรงในช่วงต้นปี ทำให้ยังคงประมาณ GDPโดยรวมของปี 2569 อยู่ที่ 1.6% กรณีฐาน) ภายใต้ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจาก Timing ของการใช้นโยบาย

Scenario 2 (Worse case) คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่สามารถจัดการเลือกตั้งตามวันที่ คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 102 หรือมาตรา 103 จาก “เหตุจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” ซึ่งในกรณีนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งสามารถกำหนดวัน เลือกตั้งใหม่อีกครั้งภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่เหตุดังกล่าวจบลง

โดยข้อกำหนดเหล่านี้เป็นไปตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 104 นั่นหมายความว่าหาก สถานการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนระหว่างไทย และกัมพูชารุนแรงขึ้น และอาจเข้าขั้นสงคราม ก็อาจเข้าข่าย “เหตุจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” ซึ่งอาจทำให้การเลือกตั้งปี 2569 เลื่อนออกไปเกินกรอบ ระยะเวลาปกติที่ 60 วันนับจากวันที่พระราช กฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรมีผลบังคับใช้

สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันระหว่างไทยและกัมพูชายังมีความตึงเครียด จึงมีความเป็นไปได้ว่า การเลือกตั้ง รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลอาจล่าช้าไปอีกราว 1 ไตรมาสจากกรณีฐานทำให้ได้รัฐบาลชุดใหม่อย่างเป็นทางการในช่วงปลายไตรมาส 3/2569

โดยภายใต้บริบทดังกล่าวผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจจะไม่ได้จำกัดอยู่เพียงมิติของ Timing การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น แต่จะขยายวงกว้างไปสู่ความ เชื่อมั่นเชิงโครงสร้างของภาคเอกชนไทยและนักลงทุนต่างชาติ โดยการขาดรัฐบาลที่มีอานาจเต็มเป็นระยะ เวลานาน จะทำให้การอนุมัติโครงการลงทุนใหม่ การเจรจานโยบายส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและการลงทุน ตลอดจนการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ด้านอุต สาหกรรมสำคัญ (อาทิ อุตสาหกรรม ดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง พลังงาน และโครงสร้างพื้นฐาน) ถูกเลื่อนออกไป

ส่งผลให้แรงขับเคลื่อนจากภาครัฐต่อเศรษฐกิจไทยอ่อนแรงลงเป็นระยะเวลานานอย่างมี นัยสำคัญ ขณะที่ภาคเอกชนอาจมีแนวโน้มชะลอการ ลงทุนใหม่เพื่อรอดูความชัดเจนทางการเมือง นั่น หมายความว่าแรงส่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทย ปี 2569 จะอ่อนแรงลงตามไปด้วย

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงต่อการจัดทำ พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2570 ให้ล่าช้าออกไปด้วย เท่ากับว่าจะเป็นการจำกัดความสามารถในการลงทุนภาครัฐและการเร่งรัดโครงการใหม่ไปจนถึงช่วง ปลายปี 2569 และอาจต่อเนื่องไปถึงช่วงไตรมาส 12570

ด้วยเหตุนี้ ภายใต้ Scenario 2 จึงมองว่า เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเผชิญกับภาวะชะลอตัวที่ยืดเยื้อและลึกกว่ากรณีฐาน ทำให้ GDP ไทยปี 2569 น่าจะขยายตัวเพียง 1.2% (กรณีเลวร้าย)