เรื่องเด่นวันนี้

SMD100 พลิกเกมครั้งสำคัญ เปิดให้เช่า หุ่นยนต์ผ่าตัดจากญี่ปุ่น เพิ่มโอกาสสร้างรายได้แบบระยะยาว


24 พฤศจิกายน 2568

SMD100 ตลาดหุ่นยนต์ผ่าตัดกำลังเข้าสู่การแข่งขัน พร้อมชูโมเดลหุ่นยนต์ผ่าตัดจากญี่ปุ่น ด้วยรูปแบบ เช่าใช้ เพียง เดือนละ 1.2 ล้านบาท ลดภาระเงินลงทุนเริ่มต้น เหมาะกับโรงพยาบาลที่ต้องการขยายบริการผ่าตัดหุ่นยนต์ โดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อน

SMD100_S2T (เว็บ)_0.jpg

ดร. วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO & Chief Health Policy Architect) บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SMD100 กล่าวถึงตลาดหุ่นยนต์ผ่าตัดกำลังเข้าสู่การแข่งขันจริงครั้งแรกในรอบหลายสิบปี หลังจากยุคผูกขาดเริ่มสั่นคลอน ทั้งจากแรงกดดันเรื่องต้นทุน และการเข้ามาของผู้ผลิตจากจีนที่เสนอราคาคุ้มค่าอย่างมาก

1.ผู้นำตลาดเบอร์หนึ่งของโลก ราคาเดิม 120 ล้านบาท ล่าสุดปรับลดเหลือ 80 ล้านบาท มีฐานศัลยแพทย์ใหญ่ที่สุด และบริการหลังการขายเข้มแข็ง ค่า Maintenance ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 10 ต่อปีของราคาเครื่อง (ทำให้ต้นทุนรวมตลอดอายุใช้งานยังคงสูง) มุมมองตลาด การลดราคา เป็นสัญญาณชัดว่าเบอร์หนึ่งต้อง “ป้องกันส่วนแบ่งตลาด” หลังผู้ท้าชิงเริ่มรุกหนัก

  1. ผู้ท้าชิงจากจีน (ทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในตอนนี้) ราคาเฉลี่ย 60 ล้านบาท ขายได้แล้ว 2 เครื่องในประเทศไทย ให้ของแถมจำนวนมาก เช่น Simulator (เครื่องฝึกผ่าตัดจำลอง) อุปกรณ์เริ่มต้นครบชุด เงื่อนไขบริการปีแรกแบบรวมในดีล ความคุ้มค่าเด่นชัด โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่ต้องการเริ่มบริการหุ่นยนต์ผ่าตัดโดยใช้งบประมาณจำกัด กลยุทธ์ “ราคาต่ำกว่า และให้มากกว่า” คือจุดขายสำคัญ ทำให้หลายโรงพยาบาลเริ่มเปิดใจทดลองตลาดใหม่

  2. 3. แนวทางที่ 3 – SMD rise เสนอโมเดลใหม่จากญี่ปุ่น SMD rise นำเสนอหุ่นยนต์ผ่าตัดจากญี่ปุ่น ด้วยรูปแบบ เช่าใช้ (Subscription-Based Surgical Robotics) ค่าเช่าเพียง เดือนละ 2 ล้านบาท ลดภาระเงินลงทุนเริ่มต้น (Zero CapEx Model) เหมาะกับโรงพยาบาลที่ต้องการขยายบริการผ่าตัดหุ่นยนต์ โดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อน 60–80–120 ล้านบาท ทำให้สามารถวางแผนรายได้ต่อเคส และ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนแบบคงที่ ลดความเสี่ยงเรื่องค่าเสื่อม ราคาเครื่อง และเทคโนโลยีล้าสมัย

ความหมายเชิงกลยุทธ์: นี่คือ “ทางเลือกที่ 3” ที่ไม่ใช่ศึกแพง vs ถูก แต่เป็น โมเดลใหม่ทั้งระบบ ช่วยให้โรงพยาบาลมีหุ่นยนต์ผ่าตัดได้แบบ ไม่ต้องลงทุนใหญ่ ไม่ต้องแบกรับ maintenance 10% ต่อปี

  1. 4. ภาพรวมแนวโน้มตลาด การแข่งขันด้านราคาและแพ็กเกจจะรุนแรงขึ้น โครงสร้างต้นทุนรวม (TCO + Lifecycle Cost) จะเป็นปัจจัยตัดสิน โรงพยาบาลเริ่มแยก “แบรนด์หรู” ออกจาก “ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์”

โมเดลเช่าใช้รายเดือนแบบที่ SMD rise เสนอ คือทิศทางอนาคตของตลาดเครื่องมือมูลค่าสูง (CapEx → OpEx Transformation)

สรุปแบบเข้าใจง่ายเบอร์หนึ่งลดเหลือ 80 ล้าน, ผู้ท้าชิงจีน 60 ล้านพร้อมแถมใหญ่, และ SMD rise เปิดแนวใหม่ เช่าหุ่นยนต์ญี่ปุ่นเดือนละ 1.2 ล้าน ทำให้ตลาดหุ่นยนต์ผ่าตัดไทยกำลังก้าวสู่ยุค New Paradigm อย่างแท้จริง

โพสต์วิเคราะห์ของ ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์, CEO SMD rise ซึ่งได้รับการแชร์มากกว่า 83 ครั้งในกลุ่มแพทย์และผู้บริหารโรงพยาบาล สะท้อนว่า “ตลาดหุ่นยนต์ผ่าตัดไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้าง (Structural Shift)” และเปิดโอกาสใหม่ให้ผู้ประกอบการที่สามารถนำเสนอโมเดลธุรกิจนวัตกรรมได้จริง

รายงานฉบับนี้สรุปมุมมองเชิงกลยุทธ์ต่อโครงสร้างการแข่งขัน และตำแหน่งของ SMD rise ในฐานะผู้เสนอโมเดลใหม่ที่เข้ากับทิศทางโลก (CapEx → OpEx Transformation)

  1. ตลาดเริ่มแตกตัวหลังยุคผูกขาดยาวนาน ผู้นำตลาดรายเดิมที่ครองส่วนแบ่งเกือบทั้งหมดในรอบหลายสิบปี

ลดราคาจาก 120 ล้านบาท เหลือ 80 ล้านบาท สัญญาณนี้ตีความได้ว่าเป็น Defensive Strategy เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ผลที่ตามมาคือ Margin Compression ของผู้เล่นเดิม และเปิดพื้นที่ให้ผู้เล่นใหม่เข้ามาได้เร็วขึ้น โดยการเริ่ม “ลดราคาเชิงโครงสร้าง” ของผู้นำตลาดคือปัจจัยชี้ชัดว่าอุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่ช่วง Disruption รอบใหม่

  1. ผู้ท้าชิงจากจีน – ราคา 60 ล้านบาท พร้อมแพ็กเกจแถมเต็มระบบ ขายแล้ว 2 เครื่องในประเทศไทย จุดขายคือ ราคาต่ำกว่า มูลค่ารวมที่มากกว่า (Value-Loaded Package) ผู้เล่นรายนี้ดึงดูดโรงพยาบาลที่ต้องการผลตอบแทนต่อเงินลงทุน (ROI) ที่ชัดเจนขึ้น โดยเทรนด์ “Cost-Disruptive Competitors” จากจีนเริ่มเกิดในอุปกรณ์แพทย์มูลค่าสูง และตลาดเริ่มตอบรับ

  2. SMD rise เปิดโมเดลใหม่: Subscription-Based Surgical Robotics จุดพลิกเกมครั้งสำคัญของอุตสาหกรรม (Industry Game Changer) SMD rise ประกาศเปิดตัวโมเดล “เช่าใช้รายเดือน” สำหรับหุ่นยนต์ผ่าตัดจากญี่ปุ่น โดยไม่มีการลงทุนก้อนแรก (Zero CapEx) ค่าเช่าเพียง 1.2 ล้านบาทต่อเดือน ไม่มีเงินลงทุน 60–80 ล้านบาท ต้นทุนโรงพยาบาล “แปลงเป็นรายเดือน” พร้อมรายได้ต่อเคสที่คำนวณได้ทันที ลดความเสี่ยงด้าน Depreciation, Obsolescence, Maintenance (10%/ปี) เปิดโอกาสให้ โรงพยาบาลระดับ Secondary Tier เข้าถึงเทคโนโลยีได้เป็นครั้งแรก

โมเดลนี้ขยายตลาดโดยตรง (Market Expansion Model) ดึงดีมานด์จากโรงพยาบาลที่ไม่มีงบซื้อเครื่อง สร้างรายได้แบบ Recurring Revenue (RRM) ซึ่งเป็นเมตริกสำคัญใน HealthTech และเข้ากับวิสัยทัศน์ของ SMD rise ในการเป็นผู้นำ OpEx-Based Medical Ecosystem ของไทย

  1. ความหมายเชิงกลยุทธ์ต่อ SMD rise (Strategic Implications) 4.1 การขยาย TAM (Total Addressable Market) เดิมตลาดหุ่นยนต์ผ่าตัดมีผู้ซื้อจำกัด (เฉพาะโรงพยาบาลใหญ่) โมเดลของ SMD rise เปิดตลาดใหม่ทั้งหมดของโรงพยาบาลระดับกลาง–เล็ก

4.2 สร้าง Recurring Revenue ที่มั่นคง โมเดลเช่าใช้รายเดือนช่วยให้รายได้มีความเสถียร และประเมินได้ล่วงหน้า

เป็นผลดีต่อภาพรวม Valuation และ P/E ระยะยาว

4.3 Branding Positioning: “Innovator of High-Value Medical OpEx” ช่วยผลักดัน SMD rise ให้เป็นผู้นำเทรนด์ CapEx → OpEx ในตลาดเครื่องมือแพทย์มูลค่าสูงของไทย

4.4 Alignment กับกลยุทธ์ Dual-Engine Architecture สอดคล้องกับโครงสร้าง Core + Capital Expansion Model

โดยเฉพาะการสร้างธุรกิจรูปแบบ Subscription ที่สามารถ Spin-off ได้ในอนาคต

  1. แนวโน้มปี 2569-71 ตลาดจะขับเคลื่อนโดย TCO (Total Cost of Ownership) ไม่ใช่แค่แบรนด์ โรงพยาบาลเริ่มมองหาโมเดล Asset-Light + Risk-Light เครื่องมือมูลค่าสูงอื่น ๆ (เช่น Cath Lab, Robotic Surgery, Proton Therapy Accessories) จะทยอยเข้าสู่โมเดลบริการรายเดือนเช่นเดียวกัน โดย SMD rise อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับการขึ้นเป็นผู้นำ “OpEx HealthTech Transformation” ในประเทศไทย

สรุปสำหรับนักลงทุน “80 ล้าน (เบอร์หนึ่ง) – 60 ล้าน (จีน) และ 1.2 ล้านต่อเดือน (SMD rise)” สะท้อนว่าโครงสร้างการแข่งขันของตลาดนี้กำลังเปลี่ยนครั้งใหญ่

SMD rise ไม่ได้แข่งขันด้วยราคาเครื่อง แต่แข่งขันด้วย โมเดลธุรกิจใหม่ ที่ขยายตลาด เพิ่มโอกาส และสร้างรายได้แบบระยะยาว–ยั่งยืน นี่คือจุดเปลี่ยน (Strategic Inflection Point) ที่ SMD rise สามารถยกระดับมูลค่ากิจการได้อย่างมีนัยสำคัญในอีก 3–5 ปีข้างหน้า