MINT ซุ่มแผนตั้งกอง REIT เล็ง IPO ธุรกิจ Minor Food ลดหนี้ แย้มแผนซื้อหุ้นคืน หากราคาร่วงอีก
โบรกฯประชุมนักวิเคราะห์ MINT มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อย หลังเผยแผนทำ REIT, IPO Minor Food เพื่อลดหนี้ และเตรียมซื้อหุ้นคืน คาดกำไรปี 2568 พุ่ง 9.25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% ปรับคำแนะนำ ขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท ชู Valuation ถูกสุดเมื่อเทียบกับ CENTEL, ERW

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยจากการประชุมนักวิเคราะห์ MINT เพราะมีแผนทำ REIT, IPO Minor Food เพื่อลดหนี้ และเตรียมซื้อหุ้นคืน จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (20 พ.ย.) โดยมีประเด็นสำคัญจากการประชุมดังนี้
โดยผู้บริหารยังคงเป้าการเติบโตของรายได้ใน 3 ปี (ปี 2568-70) จะอยู่ที่ High-single digit CAGR (คาด 5%) และกำไรจะโตได้ที่ 15-20% CAGR (ฝ่ายวิจัยคาด 11%) ขณะที่จะเดินหน้ากลยุทธ์ Asset-light เน้นการเข้าบริหารโรงแรมมากขึ้น โดยตั้งเป้าจะมีทั้งหมด 850 โรงแรมในปี 2571 จาก 630 โรงแรมในปี 2568
ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ในไตรมาส 4/2568 คาดยุโรป เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ไทยเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (โดยไทยที่มีการ renovate จะเริ่มทยอยเปิดได้ช่วง พ.ย.-ธ.ค.2568, มีเพียง Anantara Siam เฟส 2 ที่จะเปิดเดือน มิ.ย. 2569 ขณะที่ MINT คาดว่าจะเพิ่ม ADR ได้ที่ 20-50%) ส่วนมัลดีฟส์ยังโตได้ double digit จากไตรมาส 4/2567 ที่ ลดลง 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้าน SSSG ของไทย คาดทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ ลดลง 0.5%
ขณะที่งบลงทุน CAPEX ปี 2568 อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท จากธุรกิจโรงแรม 6 พันล้านบาท, ธุรกิจอาหาร 1 พันล้านบาท, Delisting MHEA ที่ 4 พันล้านบาท และอื่นๆ อีก 1 พันล้านบาท
โดยปี 2568 มีการปรับเพิ่ม Net D/E เป็น 0.8-0.9 เท่า (จากเดิมที่ 0.8 เท่า) จากไตรมาส 3/2568 ที่ 0.9 เท่า เพราะมี การ Delisting MHEA ขณะที่เป็นเป้าที่ไม่รวมการจัดตั้ง REIT
ด้าน REIT คาดว่าจะจัดตั้งเสร็จภายในไตรมาส 2-3/2569 จะ listed ที่สิงคโปร์ โดยจะเป็นการขาย สินทรัพย์เข้ากอง REIT เลย และมีมูลค่าราว 1.2-1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยลดหนี้ (Perpetual bond จะทยอยหมดอายุเดือน เม.ย. 26), ลดความผันผวนของค่าเงิน และสามารถ ขยายกิจการได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาในการซื้อหุ้นคืน หากราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงอีก และมีแผนจะ IPO ธุรกิจ Minor Food (เคยมีแผนนี้ตั้งแต่ก่อนโควิดแล้ว) เพื่อ unlock value และช่วยลดหนี้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดตอนนี้ ทั้งนี้กำไรต่อปีของ Minor Food อยู่ที่ราว 2.4 พันล้านบาท ขณะที่ PER เฉลี่ยของกลุ่มอาหารอยู่ที่ราว 16-20 เท่า (มากกว่ากลุ่มโรงแรมที่ 13-14 เท่า)
โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2568 อยู่ที่ 9.25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวในทุกประเทศ โดยเฉพาะโรงแรมที่ยุโรปและมัลดีฟส์ ขณะที่คาดว่าไตรมาส 4/2568 จะเห็นกำไรปกติเพิ่มขึ้นได้ทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน เพราะเป็นช่วง High season ที่ไทยและมัลดีฟส์ รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยจ่ายยังลดลงได้ดี
ดังนั้นปรับคำแนะนำ ขึ้นเป็น “ซื้อ” จากเดิมที่ “ถือ” MINT แต่ยังคงราคาเป้าหมาย 28.00 บาท ด้าน Valuation ซื้อขายเพียง PER ที่ 13 เท่า ถูกสุดเมื่อเทียบกับ CENTEL, ERW ขณะที่มีความเสี่ยงจากต้นทุนพลังงานยุโรปที่อาจจะกระทบต้นทุนให้สูง มากกว่าคาด ขณะที่ปี 2568 มีการ Hedging ไปแล้วเกือบ 100% ประกอบกับโรคระบาดใหม่ที่จะ กระทบภาพรวมการท่องเที่ยว รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อการบริโภค
ยอดนิยม
โบรกฯเกอร์เลือดสาด งบ 9 เดือน ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ รายได้-กำไรลด เซ่นพิษวอลุ่มเทรดต่ำ
แตะเบรคหุ้นท่องเที่ยว! โบรกฯ ชี้ปัญหาญี่ปุ่น-จีน หนุนไม่มาก แนะ “ขาย” AAV-AOT แต่ “ซื้อ” BA
MINT ซุ่มแผนตั้งกอง REIT เล็ง IPO ธุรกิจ Minor Food ลดหนี้ แย้มแผนซื้อหุ้นคืน หากราคาร่วงอีก