CPALL- SPALI ปิดซื้อหุ้นคืน พบเก็บหุ้นได้ 50% ของเป้าหมาย โบรกชี้ช่วยประคองราคาระยะสั้น-กลาง
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า โครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ได้สิ้นสุดลงแล้วในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการซื้อหุ้นคืนรวมทั้งสิ้นจำนวน 71,598,000 หุ้น คิดเป็น 0.80% ของ หุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,358,426,975 บาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 7,500 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 1.67% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568
ขณะที่บริษัท ศุภาลัย จํากัด (มหาชน) หรือ SPALI รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า โครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ได้สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 โดยบริษัทฯ ได้ดําเนินการซื้อหุ้นคืนรวมจํานวน 66,599,900 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 3.41 ของหุ้นทีจําหน่ายแล้วทั้งหมด มีมูลค่ารวม 957,816,300 บาท
จากกรณีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 2,000 ล้านบาท และจํานวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 6.14 ของหุ้นที่จําหน่ายแล้วทั้งหมด โดยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีกําหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืน ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568
จากข้อมูลดังกล่าวจะพบว่า การซื้อหุ้นคืนในโครงการดังกล่าวของทั้ง 2 บริษัท รับซื้อได้ประมาณ 50%ของเป้าหมายที่ตั้งไว้
นอกจากนี้ หากพิจารณาการเคลื่อนไหวราคาหุ้นในช่วงเวลาที่เปิดโครงการซื้อหุ้นคืนจะพบว่า หุ้น SPALI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.43% ขณะที่หุ้น CPALL ปรับตัวลดลง 14.56 %
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุ แนะนำ Neutral หุ้น SPALI ราคาเป้าหมาย 17.5 บาท โดยมีมุมมอง neutral ต่อกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ที่ 1.17 พันล้านบาท ลดลง 41%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน ถึงแม้สูงกว่าฝ่ายวิจัยคาดแต่ใกล้เคียงตลาดคาด โดยกำไรสุทธิลดลงมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการโอนที่ลดลง และGPM ต่ำกว่าปกติ จาก price promotion ที่มากตามการแข่งขันที่สูง
ส่วน แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/2568 คาดลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะ backlog รอโอนไม่มาก ทั้งนี้กำไรสุทธิ 9 เดือนปี 2568 เท่ากับ 2.7 พันล้านบาท ลดลง 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 72% ของกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 3.7 พันล้านบาท ลดลง 40% จากปีก่อน ซึ่งมีโอกาส upside เล็กน้อย
แต่โดยรวมยังเป็นกำไรสุทธิที่ลดลงมากจากปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มการโอนและGPM ลดลง โดยไตรมาส 4/2568 ถึงไตรมาส 1/2569 ยังไม่ดีนัก ซึ่งกังวลต่อกำลังซื้อในกลุ่มกลาง-กลางล่าง ยังชะลอตัว และกระทบจาก reject rate ที่สูง ดังนั้นนโยบายซื้อหุ้นคืนน่าจะช่วยประคับประคองราคาหุ้นระยะสั้น-กลาง
ยอดนิยม
KTB แจ้งข้อมูลผู้ถือหุ้นล่าสุด ในเว็บไซต์ตลท. พบ“สารัชถ์ รัตนาวะดี” ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 8 มูลค่ากว่า 3,575 ลบ
PTG-PTTGC-MAGURO นำทัพ 14 หุ้นเด่น โบรกฯ แนะนำลงทุน หลังเห็นแววแนวโน้มผลงานปี 69 เติบโต
“ธัญญาภรณ์” ไล่เก็บหุ้น BEAUTY พบปีนี้ใช้เงินซื้อไปแล้ว 73 ล้านบาท ราคาหุ้นพุ่ง 54% ผงะ! 9 เดือนงบขาดทุนเพิ่ม
“การบินไทย” ปีนี้สุดปัง! โบรกฯ คาดกำไรทะยานแรง 3.44 หมื่นล้าน ชูไตรมาส 4 แจ่ม ไฮซีซั่นหนุน