Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 19-11-25 (ดักรอเลย 14 ตัวเด็ดคัดมาแล้ว! หุ้น Growth/Turnaround ปี 2569)


19 พฤศจิกายน 2568

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 19-11-25 (ดักรอเลย 14 ตัวเด็ดคัดมาแล้ว! หุ้น Growth/Turnaround ปี 2569)
 

19-11-25 สวัสดี “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ 

กูรูหุ้น บล.กรุงศรี หรือ KSS ออกบทวิเคราะห์ หุ้นในธีม Growth/Turnaround Plays: ตลาดหุ้นไทยปี 2025F ยัง Underperform -9%Ytd เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +17% จากการใช้เครื่องมือเชิงปริมาณในการประเมินระดับ Discount ของดัชนีในปัจจุบันเทียบกับกรอบ Valuation ในอดีตระยะ 10 ปี ผ่าน Fwd PE, Price to Sales, Dividend Yield, และ ROE พบว่า ณ ระดับดัชนีปัจจุบัน มีเพียงตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เท่านั้นที่ซื้อขายในระดับที่มี Discount มากกว่าตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นส่วนใหญ่ซื้อขายในระดับ Premium และ Valuation ค่อนข้างตึงมากแล้ว อาทิเช่น ไต้หวัน (TWSE Index), เกาหลีใต้ (KOSPI Index), และสหรัฐฯ (S&P 500 Index) สะท้อนภาพหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่โดยรวมยังมี Margin of Safety ระยะยาวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีของทุกปี 

หุ้นในกลุ่มที่มีแนวโน้มมีผลประกอบการฟื้นตัวในปีถัดไป หรือฐานกำไรเติบโตสูงกว่าตลาดรวม มักจะเป็นเป้าหมายของการลงทุนในระยะนี้ เนื่องจากราคาหุ้นได้ตอบรับทิศทางผลประกอบการที่ชะลอตัวไปแล้ว และตลาดมักมองโอกาสต่อการฟื้นตัวที่โดดเด่นในปีถัดไป จึงเป็นที่มาของ “Theme หุ้นเติบโตสูง & Turnaround ปี 2026F”

กลยุทธ์ : ภายใต้จุดแข็งของทีมวิจัย KSS ที่มี Coverage หุ้นมากที่สุด 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรม ราว 160 บริษัท ทั้ง SET/MAI ได้ทำการคัดเลือกหุ้นที่มีโอกาสกลับมา Turnaround / เติบโตสูง (High Growth) ในปี 2026F โดยคัดเลือกหุ้นที่อยู่ใน Coverage ของเรา ที่มีคุณสมบัติ คือ

 1) แนวโน้มการเติบโตของกำไรปี 2026F > 20% หรือเป็นหุ้น Turnaround พลิกขาดทุนเป็นกำไร 

2) มีปันผลสูงเฉลี่ยมากกว่า 5.3% และ 3) ในแง่อุตสาหกรรมและความสามารถการแข่งขันรวม น่าจะพลิกฟื้นผลประกอบการได้จริง

จาการศึกษาพบว่า มี 14 บริษัท ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ผสานกลุ่มเทคโนโลยี โดยมีหุ้นที่น่าสนใจ แนะนำทยอยสะสม ได้แก่ BTS, IVL, SPRC, PTTGC, BCP, INSET, INETREIT, INET,SC, TRUE, BCPG, MICRO, MAGURO, PTG

BTS (TP@6.49) แม้คาดกำไรปี 2026F ยังมี Downside Risk จากผลขาดทุนครึ่งปีแรกและแรงกดดันจากบริษัทย่อย ทั้ง VGI และ Rabbit ทำให้ประมาณการต้องทบทวนใหม่ แต่ยังมีโอกาสชดเชยจากการได้กระแสเงินสดในมือกลับมา หนุนโอกาสเห็นโครงการลงทุนใหม่ ผสานความชัดเจนนโยบายรถไฟฟ้าของรัฐฯ ที่น่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งใหม่ในรอบนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PBV26F (สิ้นสุด มี.ค. 26) ต่ำกว่า 1.0 เท่าสะท้อนภาพผลประกอบการขาดความสม่ำเสมอระยะสั้นและรอยต่อธุรกิจไปแล้ว

IVL (TP@24.0) แนวโน้มกำไรปี 2026F มีโอกาสฟื้นตัว +189%y-yโดยการฟื้นตัวจะเกิดขึ้นนับจาก 4Q25 หลังแรงกดดันจากการปิดซ่อมฉุกเฉินและมาตรการตอบโต้ทางการค้าคลี่คลาย และการแข่งขันลดลงตามอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาด ขณะเดียวกันเริ่มรับรู้ผลบวกจากราคา PET ในสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นและอัตราการเดินเครื่องที่ดีขึ้น ด้วยจุดแข็งด้านฐานการผลิตที่กระจายตัว หนุนการอยู่รอดระยะยาว นอกจากนี้ ยังน่าจะมีแรงส่งนโยบายจำกัดซัพพลายอุตสาหกรรมจีนที่ก าลังทยอยเห็นภาพบวกในรายอุตสาหกรรม ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PBV26F (สิ้นสุด มี.ค. 26) ต่ำกว่า1.0 เท่า สะท้อนวงจร Downcycle แล้ว

SPRC (TP@7.6) แนวโน้มกำไรปี 2026F คาด +177%y-y มีสัญญาณบวกตั้งแต่ปลายปี 2025F จากการเปลี่ยนวิธีบันทึกค่าใช้จ่ายการปิดซ่อมเป็นทุน ท าให้ผลกระทบค่าใช้จ่ายทีสร้างความผันผวนรายครั้งลดต่ำลง และถูกเกลี่ยออกไปมากขึ้น โดยระยะสั้นดีต่อ 4Q25–1Q26Fที่ค่าใช้จ่ายจะเข้ามาต่ำกว่าตลาดประเมินไว้เดิม ขณะที่ 4Q25F ยังได้แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่ทรงตัวในระดับสูงชดเชยต้นทุนซ่อม เสริมภาพอุตสาหกรรมโรงกลั่นที่อยู่ในภาวะ Supply Shortage หนุนค่าการกลั่นปี2H25-26F เป็นฐานที่ดีกว่าภาวะปกติ คงคำแนะน า “ซื้อ” หุ้น SPRC ที่ราคาเป้าหมาย TP26F = 7.60 บาท

PTTGC (TP@28.0) ธุรกิจอยู่ในช่วง Downcycle ยาวนาน แม้จุดเปลี่ยนนโยบายจำกัด Supply อุตสาหกรรมของจีนอาจจะเกิดขึ้นค่อยเป็นค่อยไปกว่าคาดในฝั่งปิโตรเคมี แต่จีนกำลังทยอยด าเนินการรายอุตสาหกรรม คาดฝั่งปิโตรเคมีน่าจะเริ่มมีภาพบวกนับจากปลาย 2025F หนุนแนวโน้มกำไรปี 2026F คาดพลิกมากลับมามีกำไรได้ 7.2 พันล้านบาทจากขาดทุนต่อเนื่องปี 2024-25 ขณะที่ราคาหุ้นที่ PBV26F ราว 0.4 เท่า ประเมินสะท้อนความเสี่ยงภาพ Downcycle ไปแล้ว. ขณะที่การตั้งด้อยค่าและการใส่ต้นทุนปรับปรุงกระบวนการผลิตต่อเนื่อง มองว่า PTTGC เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่อยู่รอดผ่านวัฏจักรขาลงของปิโตรเคมี และมีศักยภาพฟื้นตัวระยะยาวเมื่อปัญหาอุปทานล้นตลาดคลี่คลาย

BCP (TP@44.0) กำไรปี 2026F คาดเติบโต 100.6%y-y นำโดยโรงไฟฟ้าแก๊สในสหรัฐฯ โรงไฟฟ้าพลังลมในลาว–เวียดนาม และโซลาร์ไต้หวันแม้ COD ไต้หวันเลื่อนและดีล M&A ถูกชะลอ แต่ยังมีอัพไซด์จากการปรับCapacity Payment ตลาด PJM (ตลาดซื้อขายไฟฟ้าในประเทศสหรัฐฯ)ปลายปีนี้ ขณะที่หุ้นผ่านช่วงปรับลดสถานะจากจิตวิทยาลบหลายด้านแล้วจนปัจจุบันซื้อขาย PBV26F ต่ำกว่า 1 เท่า ประเมินโอกาสลงทุนทางพื้นฐาน

INSET (TP@3.2) แนวโน้มกำไรปี 2026F มีความโดดเด่นจากโอกาสชนะโครงการ Data Center ขนาดใหญ่ 3–4 โครงการ (มูลค่าโครงการ 800 – 1,000 พันล้านบาทต่อโครงการ) ซึ่งคาดเริ่มรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปี 2026F หนุนกำไรออกมาไม่น้อยกว่าประมาณการ +74.6%และอาจสูงกว่าคาด จากฐานปี 2025F ต่ำกว่าคาด จากความเสี่ยงจากดีลล่าช้า แต่ราคาหุ้นที่ปรับลงแรงสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว จนซื้อขาย PBV ต่ำกว่า 1 เท่า (vs ภาพประคองก าไรได้สม่ำเสมอ ทั้งที่อยู่ในช่วงรอยต่อ) ขณะที่ความต่อเนื่องการเติบโตยาวนานไปอีก 3-4 ปี ตาม Upcycle การเข้ามาลงทุน Data Center ในไทยจากต่างประเทศ อิงเม็ดเงินขอ BOI นับจาก2H24 เฉียด 1 ล้านล้านบาท หนุนหุ้นกำลังเข้าสู่รอบอัพเกรดครั้งใหญ่จากเมกะเทรนด์ Data Center ไทยใน 4–5 ปีข้างหน้า

INETREIT (TP@14.2) เราประเมินกำไรปี 2026F มีแรงหนุน INETREIT เตรียมขยายลงทุนในโครงการ INET-IDC 3 เฟส 2 ซึ่งจะหนุนปี 26F ให้จ่ายปันผลเพิ่มเป็น 0.8100 บาท จาก 0.8000 บาทในปี 25F ให้ผลตอบแทนราว 7% ต่อปี ผสาน วงจรดอกเบี้ยสหรัฐฯเดินหน้าสู่ขาลงจะเป็นจิตวิทยาที่สร้างแรงส่งเพิ่มเติม

INET (TP@5.85) เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ INET ภายใต้ธีมหุ้นราคา Undervalue เนื่องจากซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ราว 40% แม้กำไร 3Q25 ลดลง -50% y-y และ q-q แต่เป็นผลจากขาดทุนพิเศษด้านการลงทุนแบบครั้งเดียว ซึ่งหากตัดออกจะเห็นว่ากำไรปกติฟื้นตัวทั้ง y-yและ q-q และคาดปี 2026F กลับมาเติบโต +53.2%y-y คาดแรงส่งมาจากบริการที่สอดคล้อง Mega-theme หลักของโลก อาทิ Cloud และ Digital Platform นอกจากนี้ ยังไม่รวมถึงผลบวกการขายทรัพย์สินเข้า INETREITเพิ่มเติม จะหนุนแรงส่งเพิ่มเติมจากการนำเงินมาชำระหนี้ และลงทุน Data Center แห่งใหม่เร่งการขยายตัวเพิ่มเติม

SC (TP@2.8) แม้กำไรปี 2025 ยังเป็นไปตามภาพอุตสาหกรรมที่เผชิญหลายปัจจัยกดดัน อาทิ ผลกระทบเกี่ยวเนื่องกับแผ่นดินไหว รวมถึงเศรษฐกิจภายใน อย่างไรก็ตามประเมินปี 2026F คาดกำไร SC จะกลับมาเติบโตแรง +36% y-y สู่ 1.9 พันลบ. จากการโอน 2 คอนโดใหม่และธุรกิจโรงแรมที่ฟื้นตัว ขณะที่ Valuation ที่ PER เพียง 3.6 เท่า คาดการณ์ Div Yield ปี 2026F > 10% เป็นโอกาสสะสม

TRUE (TP@18.2) TRUE กำลังก้าวสู่ “เฟส 3” ของวัฏจักรการลงทุนที่มี FCF แข็งแกร่ง จากภาพอุตสาหกรรมเข้าสู่ Upcycle เหลือผู้เล่น 2 รายที่ศักยภาพใกล้เคียงกัน ทำให้การแข่งขันเน้นที่การสร้างความแตกต่าง >การใช้ราคาผสาน ระยะกลาง-ยาวมีโอกาสเพิ่มเติมทางใดทางหนึ่ง จากการเข้ามาเร่งลงทุน Data Center ของยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศที่ไทย ผสาน การผ่านช่วงลงทุนหนักในเทคโนโลยีหลักไปแล้ว ทำให้แผนลดต้นทุนบริษัทที่ยังสูงกว่าอุตสาหกรรม เราเชื่อว่าจะเดินหน้าต่อเนื่อง คาดกำไรปี 2026Fขยายตัวแรง +35% ขณะที่การสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง จะหนุนการเข้าสู่รอบจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ โดยคาด Dividend Payout Ratio จะเพิ่มเป็น60% ในปี FY26F และ 70% ในปี FY27F จาก 50% ใน FY25F ทำให้ Dividend Yield เพิ่มเป็น 3.2% และ 4.2% ตามล าดับ (จาก 2.3% ในFY25F) ในกรณีดีที่สุด หาก TRUE ปรับอัตราจ่ายขึ้นเทียบเท่า ADVANCที่ 95% จะให้ Dividend Yield สูงถึง 5.1% ใน FY26F และ 5.7% ใน FY27F

BCPG (TP@9.4) สำหรับ BCPG ระยะยาวคาดกำไรปี 26-27F เติบโตแข็งแกร่ง 34% CAGR โดยมีปัจจัยหนุนได้แก่

การปรับขึ้นค่า CP ปี26/27 ในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติสหรัฐในตลาด PJM ขึ้นจาก 270 $/MW-day เป็น 329$/MW-day ซึ่งจะเริ่มรับรู้เพิ่มเติมในเดือนมิ.ย. 26F 

การ COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมในลาวและเวียดนามรวม 389 Equity MW เต็มปี(ลม Monsoon ในลาว COD ใน 3Q25 และลม VN คาด COD สิ้นปี 25F)

การ partial COD โครงการโซล่าร์ในประเทศไต้หวันราว 100 MW แรกในปลาย 2Q26F ขณะที่ Valuation BCGP ปัจจุบันที่ซื้อขาย PBV ราว 0.7เท่า ยังต่ำระดับ AVG – 1.0 S.D. ยังไม่สะท้อนภาพบวกแนวโน้มกำไรระยะถัดไปดังกล่าว

MICRO (TP@1.25) เรามีมุมมองเชิงบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2026F และผลการดำเนินงานปี 2025–26F อิงภาพจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวนำโดยคุณภาพสินทรัพย์มีพัฒนาการดีขึ้น NPLลด -9% q-q ทำให้ NPL Ratio ลดเหลือ 4.10% จากงวด 2Q25 ที่ 4.17%หลังจากนี้บริษัทน่าจะกลับมาเน้นการกลับมาขยายฐานสินเชื่อ ผสานนโยบายรัฐบาลที่หนุนกำลังซื้อภายในมากขึ้น และวงจรดอกเบี้ยขาลงจะเป็นอีกแรงส่ง คาดกลับมากำไรปี 2025-26F หลังขาดทุนในปี 2024 Valuationปัจจุบันซื้อขาย PBV ราว 0.4 +/- เท่า ต่ำกว่า AVG – 1.0 S.D. มองเป็นโอกาสสะสมรอรับภาพบวกปี 2026F

MAGURO (TP@29.0) แม้อุตสาหกรรมมีความความกังวลตลาดเรื่องความเสี่ยงการแข่งขันและแนวโน้มกำไร แต่ผลประกอบการ 3Q25 ที่ขึ้นทำ All Time High ต่อเนื่อง สะท้อนภาพความแข็งแกร่งสินค้าและแบรนด์ซึ่งเป็นที่ยอมรับของตลาดเหนือคู่แข่ง ซึ่งมีความสำคัญกำหนดทิศทางเติบโตระยะถัดไปของบริษัท เรามองว่ากำไรยังอยู่ในทิศทางเติบโต ทั้ง y-y และ q-qใน 4Q25F หนุนโดยการขยายแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และปี 2026F คาดก าไรขยายตัวอีก 24.7% ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 2026F เพียง 15 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ ~20 เท่า และมีโอกาสเห็นเม็ดเงินสลับจากหุ้นร้านอาหารอื่นมายังMAGURO หนุนการ Re-rate Valuation ขึ้น

PTG (TP@10.0) เราประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันปี 2026F ทรงตัวจากผลกระทบภาษีการค้าสหรัฐฯที่เข้ามาเต็มปี แต่จะประคองจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีอยู่บ้างรายพื้นที่ หนุนแนวโน้มค่าการตลาดผ่อนคลายจากภาพการแทรกแซงภาครัฐฯ ลดลงต่อเนื่อง ผสาน ภาคท่องเที่ยวปี2026F กลับมาฟื้นตัวน่าจะหนุนกิจกรรมเศรษฐกิจ การเดินทางท่องเที่ยวภายใน ช่วยให้กำไรปกติโตเฉลี่ย +18% CAGR ในช่วงปี 2025–27F ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย Core PER ราว 6-7%, PBV ราว 1-1.2 เท่า vs ROE ปี2025-2F ขยับสู่ 14% และ 15.7%