จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : EA ทุกธุรกิจหลักฟื้นตัว ดันผลงานพลิกมีกำไรโตเด่น มุ่งสู่ “ระบบขนส่ง-พลังงานสะอาด”


14 พฤศจิกายน 2568
EA ฟื้น ผลการดำเนินงานไตรมาส3/68 กลับมาเติบโต พร้อมรับกระแสพลังงานสะอาด เร่งขยายการลงทุนในโครงการยุทธศาสตร์ เพื่อยกระดับสู่ "ผู้นำด้านพลังงานและระบบขนส่งสะอาดครบวงจร

EA ทุกธุรกิจหลักฟื้นตัว_รายงานพิเศษ (เว็บ)_0 แก้ไข.jpg
        
บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานสะอาด ผลงานไตรมาส 3 เติบโตก้าวกระโดด พลิกกลับมามีกำไร  สะท้อนความพร้อมในการขยายธุรกิจ โดยนายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน EA กล่าวว่า ในไตรมาส 3/68 บริษัทมีกำไรสุทธิก่อนรายการพิเศษ 736 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการฟื้นตัวของทุกธุรกิจหลัก ทั้งพลังงานหมุนเวียน ไบโอดีเซล และยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หลังผ่านช่วงปรับโครงสร้างและบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
             
ในไตรมาสนี้ EA มีรายได้รวม 3,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% QoQ และมีกำไรสุทธิ 263 ล้านบาท ตอกย้ำพื้นฐานมั่นคงเตรียมเข้าสู่ช่วงเติบโต (Growth Phase) อย่างเต็มรูปแบบ และบริษัทมีสินทรัพย์รวม 97,552 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% YoY และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสุทธิ 6,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% YoY ส่งผลให้เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 913 ล้านบาท บริษัทลดการใช้เงินลงทุนลงกว่า 21% YoY และลดการใช้เงินจากกิจกรรมจัดหาเงินลง 23% YoY ทำให้ หนี้สินรวมลดลงเหลือ 56,860 ล้านบาท และ D/E Ratio ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นแตะ 40,693 ล้านบาท สะท้อนสถานะทางการเงินที่แข็งแรงและพร้อมขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว
         
ขณะเดียวกัน EA มุ่งขยายการลงทุนในโครงการยุทธศาสตร์เพื่อยกระดับสู่ "ผู้นำด้านพลังงานและระบบขนส่งสะอาดครบวงจร (Integrated Clean Energy & Mobility Leader)" โดยมีโครงการสำคัญที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าขยะ 2 แห่ง (จังหวัดภูเก็ตและปทุมธานี) และโครงการกำจัดขยะ 3 แห่ง (ภูเก็ต ปทุมธานี และพัทยา) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหมุนเวียนและการจัดการของเสียครบวงจร ระบบกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ (Battery Energy Storage System: BESS) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมใหม่ 2 โครงการ รวมประมาณ 180 MW ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจาและ รอการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับหน่วยงานภาครัฐ

ในส่วนของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า EA เดินหน้าขยายตลาดรถโดยสารและรถเพื่อการพาณิชย์ไฟฟ้า (E-Bus & E-Truck) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ระบบกักเก็บพลังงาน และสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) เพื่อสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ครบวงจร ตั้งแต่การผลิตพลังงาน การจัดเก็บ การชาร์จ ไปจนถึงการใช้งานจริง การเติบโตในกลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาด สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่มองแนวโน้มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในไทย ว่า ในปี 69 ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมีแนวโน้มเติบโต จากความต้องการไฟฟ้าหมุนเวียนจากภาครัฐ ที่คาดว่าจะขยายตัวราว 2.8% ขณะที่ภาคเอกชนขยายตัวราว 8%
        
โดยในปี 69 ปริมาณไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ขายให้ภาครัฐ คาดว่าจะอยู่ที่ 24,303 GWh เพิ่มขึ้นจากการส่งเสริมทางด้านนโยบายภาครัฐ โดยจะมีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเพิ่มเติม รวมเป็นจำนวน 354.3 MW จากปริมาณขายตามสัญญา ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 1 แห่ง
         
สำหรับภาคเอกชน ปริมาณการขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน คาดว่าจะอยู่ที่ 4,249 GWh มาตรการเก็บภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดนจากยุโรป (CBAM) ซึ่งจะเริ่มมีการบังคับใช้จริงในปี 69 เป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นจากองค์กรเอกชนในโครงการ RE100 ซึ่งรวมถึงธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ก็มีส่วนผลักดันให้การใช้พลังงานสะอาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง
 
โดยไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลและพลังงานแสงอาทิตย์ คาดว่าจะคิดรวมกันเป็น 79% ของไฟฟ้าที่จำหน่ายให้ภาครัฐ และ 96% ของการจำหน่ายให้ภาคเอกชน นอกเหนือจากนี้จะเป็นไฟฟ้าจากพลังงานลม ขยะ และก๊าซชีวภาพ โดยรวมกันคิดเป็น 21% และ 4% ของไฟฟ้าที่จำหน่ายให้ภาครัฐ และเอกชน ตามลำดับ
         
ทั้งนี้ ชีวมวลยังคงถูกใช้ในการผลิตไฟฟ้ามากที่สุด เนื่องจากมีความเสถียรและยืดหยุ่นด้านการผลิต มากกว่าเชื้อเพลิงหมุนเวียนประเภทอื่น ๆ รวมถึงยังมีความพร้อมทางด้านวัตถุดิบ เพราะประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตร อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้า ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จะมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นแหล่งเชื้อเพลิงหลักในที่สุด ตามเป้าหมายในร่าง AEDP พ.ศ.2567-2580 ที่ตั้งเป้าให้ 68% ของไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในปี 80 มาจากพลังงานแสงอาทิตย์
 
สนับสนุนให้รายได้การจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ยังคงเติบโต ภาพรวมรายได้จากการขายไฟฟ้า ได้รับอิทธิพลหลักมาจากไฟฟ้าชีวมวลและแสงอาทิตย์ เนื่องจากเป็นสัดส่วนหลักของไฟฟ้าที่จำหน่ายในตลาดพลังงานหมุนเวียน ทั้งภาครัฐและเอกชน
EA