Talk of The Town

THAI สยายปีก โบรกฯ คาดผลงานไตรมาส 3/68 กำไรทะยาน 108% หลังคุมค่าใช้จ่ายดี


04 พฤศจิกายน 2568
โบรกฯ คาดงบ THAI ไตรมาส 3/68 ฟันกำไร 4.7 พันล้านบาท โต 108% หลังต้นทุนการเงิน-บริหารค่าใช้จ่ายดีขึ้น แต่แนะนักลงทุนรับความเสี่ยงได้ต่ำ ยังไม่ต้องรีบลงทุน เหตุ ธ.ค. นี้ คัดเลือกกรรมการชุดใหม่ ทำหุ้นผันผวนสูง

THAI สยายปีก_S2T (เว็บ) copy_0.jpg
 
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3/68 ของ THAI จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท ลดลง 31% จากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล แต่เติบโต 108% จากช่วงเดียวกัน จากต้นทุนการเงินที่ลดลงและการบริหารค่าใช้จ่ายที่ดี
 
ขณะเดียวกัน คาดรายได้ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน, ลดลง 7% จากช่วงเดียวกัน เนื่องจากในโลว์ซีซั่นของตลาดในประเทศและภูมิภาค โดยที่ลดลงจากช่วงเดียวกัน กดดันจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้คาด Passenger Yield ที่ 2.5 บาท/RPK ลดลง 6% จากไตรมาสก่อน, ลดลง 12% จากช่วงเดียวกัน
 
ในขณะที่รายงานจำนวนผู้โดยสารที่ 3.9 ล้านคน ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน, ลดลง 1% จากช่วงเดียวกัน และคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 21.5% ลดลง 3.61% จากไตรมาสก่อน, แต่เพิ่มขึ้น 5.94% จากช่วงเดียวกัน จากประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีและแนวโน้มราคา Jet Fuel ที่เป็นขาลง ในขณะที่ SG&A/Sales คาดที่ 5.5% ลดลงจากช่วงเดียวกัน จากการควบคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานได้ดีต่อเนื่อง รวมไปถึงดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการแปลงหนี้เป็นแรงผลักดันสำคัญให้กำไรเติบโตดี

สำหรับแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/68 จะกลับมาเติบโตจากไตรมาสก่อน เพราะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของทั้งในประเทศและภูมิภาค แต่หากเทียบฐานสูงในไตรมาส 4/67 คาดทรงตัว-เติบโตเล็กน้อย จากช่วงเดียวกัน จากการบริหารค่าใช้จ่ายที่ดีและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงเป็นหลัก เพราะในด้านรายได้เจอแรงกดดันจากแนวโน้ม Passenger Yield ที่ลดลงจากช่วงเดียวกัน

แต่ด้วยกลยุทธ์การขายตั๋วโดยสารเชื่อมต่อ (Network) คาดจะช่วยรักษา Load Factor ให้อยู่ในระดับสูงและหนุนการเข้าถึงจำนวนผู้โดยสารได้มากขึ้น สะท้อนใน Forward Booking จากต้นไตรมาส 4/68 ถึงปัจจุบัน ที่จำนวนผู้โดยสารกลับมาเติบโต YoY ความเสี่ยงจากการส่งมอบเครื่องบินช้ากดดันการเติบโตของกำไร
 
หากไตรมาส 3/68 ออกมาตามคาด กำไรช่วง 9 เดือน จะคิดเป็น 70% ของคาดการณ์กำไรปี 2568 ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% อย่างไรก็ดี เราประเมินอุปทานเครื่องบินในตลาดที่จำกัดเป็นความเสี่ยงต่อการรับมอบเครื่องบินใหม่ล่าช้าและแผนปลดระวางเครื่องบินในปี 2569
 
ดังนั้น ทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 2569-2570 ลง 11-13% เป็น 2.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 12% จากปีก่อน และ 2.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน ตามลำดับ จากจำนวนเครื่องบินลงเป็น 85-90 ลำ จาก 90-100 ลำ และคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นลงจาก 24.3-25.2% เป็น 24.2-24.4% จากค่าเช่าและซ่อมบำรุงที่สูงขึ้นจากการหาเช่าเครื่องบินในตลาดที่มีความต้องการสูงและยืดอายุการใช้งานเครื่องบินเก่า รวมไปถึง Average Fare ลง 2% เป็น 9.1 พันบาท ลดลง 4% จากปีก่อน และ 9.0 พันบาท ลดลง 2% จากปีก่อน ตามลำดับ เพื่อสะท้อนการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
 
ทั้งนี้ จากการปรับประมาณการทำให้ได้ราคาเหมาะสมที่ 12 บาท มีอัพไซด์ 26% จากราคาปัจจุบัน ทำให้ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ในระยะสั้นคาดหุ้นมีความผันผวนสูงจากเรื่องการคัดเลือกกรรมการชุดใหม่ในประชุม AGM ในเดือน ธ.ค. หากรับความเสี่ยงได้ต่ำยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน แต่ถ้าสนใจเก็งกำไรในกลุ่มสายการบินแนะนำ BA ที่ซื้อขายบน P/E ที่เพียง 8.0 เท่า และคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลครึ่งปีหลังปี 68 ที่ 4.6%