จับตาประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของหุ้นกลุ่ม Finance นักวิเคราะห์คาดกำไรกลุ่มจะอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท เติบโต 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังสินเชื่อของกลุ่มคาดว่าจะขยายตัว NIM คาดว่าจะปรับดีขึ้น
 
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดว่ากำไรสุทธิรวมในไตรมาส 3/2568 ของผู้ให้สินเชื่อจำนำทะเบียน 4 รายภายใต้การวิเคราะห์ (ได้แก่ MTC, SAK, SAWAD และ TIDLOR) จะอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท เติบโต 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 3% จากไตรมาสก่อน
ประเด็นสำคัญมีดังนี้ 1.ปริมาณสินเชื่อของกลุ่มคาดว่าจะขยายตัว 2% จากไตรมาสก่อน และ 6% จากไช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ให้กู้มีความต้องการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ภายใต้คุณภาพสินทรัพย์ที่ยังสามารถบริหารจัดการได้ 
2. NIM คาดว่าจะปรับดีขึ้นเป็น 15.1% (จาก 15% ในไตรมาส 2/2568) หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย; และ 3. คุณภาพสินทรัพย์คาดว่าจะยังคงแข็งแกร่ง โดย NPLs เพิ่มขึ้นเพียง 1% จากไตรมาสก่อน  ส่งผลให้ Credit Cost ลดลง 0.04%  จากไตรมาสก่อน เหลือ 2.35%
TIDLOR คาดว่าจะเป็นผู้นำกลุ่ม ด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งที่สุด, โดยจะรายงานกำไรสุทธิ 1.33 พันล้านบาท เติบโต 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 3% จากไตรมาสก่อน ได้แรงหนุนจาก 1. NPLs ที่ลดลง ส่งผลให้ credit cost ลดลง 0.07% จากไตรมาสก่อน เหลือ 2.60% 2.NIM ขยายตัวจากอัตราผลตอบแทนสินเชื่อที่สูงขึ้น และ 3. รายได้ค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่งจากธุรกิจประกัน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท
 
MTC คาดว่าจะแข็งแกร่งตามมา โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1.7 พันล้านบาท เติบโต 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 4% จากไตรมาสก่อน โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง 3% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 45 บาท
 
SAK คาดว่าจะรายงานการเติบโตของกำไรเล็กน้อยมาอยู่ที่ 222 ล้านบาท เติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 1% จากไตรมาสก่อน แม้ว่าปริมาณสินเชื่ออาจหดตัวลง 2% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากแนวทางการปล่อยสินเชื่อที่ระมัดระวัง แต่คาดว่าจะถูกชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจากการไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการด้อยค่าของโครงการโดรนในไตรมาสก่อนหน้า. แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท
 
คาดกำไรของ SAWAD จะอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ได้แรงหนุน 1. การเติบโตของสินเชื่อที่กลับมาฟื้นตัว หลังจากการหดตัวติดต่อกัน 4 ไตรมาส 2. credit cost ที่ลดลง หลังจากการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์, และ 3. การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ โดยอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ 50% แม้ว่าการกลับรายการรถยึดอาจอ่อนตัวลง แต่การควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโดยรวมยังคงเข้มงวด แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36 บาท%20copy.jpg)
%20copy.jpg) 
                                 
                             
                             
                             
                             
                            _0.jpg) 
                        _0.jpg) 
                        %20copy.jpg) 
                        _0.jpg)