Talk of The Town

หุ้นโรงกลั่นงบเริ่มฟื้น โบรกฯคาดกำไร Q3-Q4 ดีขึ้น รับปัจจัยหนุนเฉพาะตัว


27 ตุลาคม 2568

โบรกฯ คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/68 และ 4/68 กลุ่มโรงกลั่นเป็นบวก รับปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว พร้อมชู PTT และ TOP เป็นหุ้นเด่น

หุ้นโรงกลั่นงบเริ่มฟื้น_S2T (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมิ่นแนวโน้มกําไรกลุ่มพลังงานจะฟื้นตัว จากปัจจัยเฉพาะตัวของแต่ละบริษัท โดยกลุ่มพลังงานของไทยมีแนวโน้มกําไรเป็นบวกในช่วงไตรมาส 3/68 – 4/68 แม้ว่า TOP จะเผชิญแรงกดดันชั่วคราวจากการปิดซ่อมหอกลั่น CDU-3 แต่กําไรจากสต็อกอาจช่วยลดผลกระทบ

ขณะที่ PTTEP คาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 4/68 จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น BCP และ BSRC ได้รับประโยชน์จากการกลั่นนํ้ามันที่เพิ่มขึ้นและการรับรู้กําไรจาก BCPG/OKEA ส่วน OR ดีขึ้นจากอุปสงค์ตามฤดูกาล และ PTT ได้รับแรงหนุนจากธุรกิจ ปิโตรเคมีและโรงกลั่น แม้จะมีผลกระทบจากการปิดซ่อมโรงแยกก๊าซ  จึงแนะนํา BCP, BSRC, OR และ PTTEP สําหรับโอกาสระยะสั้น ขณะที่ TOP มีโอกาสฟื้นตัวหลังการซ่อมบํารุง

ทั้งนี้ หุ้นแนะนํา ด้วยแนวโน้มที่ดีขึ้นของโรงกลั่นนํ้ามัน จึงเลือก PTT และ TOP เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม แม้ราคาหุ้นจะฟื้นตัวในช่วงหลัง แต่หุ้นกลุ่มพลังงานบางตัวยังมีมูลค่าตํ่ากว่าพื้นฐาน แนะนําหุ้นที่มีธุรกิจแบบบูรณาการ เช่น PTT (ราคาเป้าหมาย 39 บาท) จากพอร์ตที่สมดุล P/BV ปี 2569 ตํ่าเพียง 0.8 เท่า และเงินปันผล 6.3%

ส่วน TOP  มีโอกาสได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของค่าการกลั่น โดยเฉพาะส่วน ต่างราคานํ้ามันดีเซลและอากาศยาน งบดุลที่ดีขึ้นจาก asset monetization การขายสินทรัพย์จะช่วยให้บริษัทผลักดันโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จตามแผนในปี 2570–2571

สำหรับแนวโน้มราคานํ้ามัน คาดการณ์ราคานํ้ามันเบรนท์ในปี 2569 อยู่ที่ 66 ดอลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีความเสี่ยงด้านลบจากปริมาณสต็อกทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นและการผลิตของสหรัฐฯ ที่สูงเป็นประวัติการณ์ แนวโน้มราคาที่อ่อนแอมาจากการฟื้นตัวของอุปทานจาก OPEC+ ที่เร็วกว่าคาด และอุปสงค์ที่ซบเซาท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

 แม้จะมีแรงกดดันทางด้านการคลัง OPEC+ ยังคงมีเป้าหมายในการบริหารจัดการการผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะอุปทานล้นตลาด สถานการณ์นี้ส่งผลลบต่อผู้ผลิตนํ้ามันต้นนํ้า นักลงทุนควรให้ความสําคัญกับบริษัทพลังงานแบบบูรณาการและติดตามพัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์และการเจรจาการค้าระหว่าง สหรัฐฯ–จีนเพื่อโอกาสในการปรับตัวขึ้นของราคา

ธุรกิจโรงกลั่นนํ้ามัน คาดค่าการกลั่นจะฟื้นตัวในปี 2569 จากความแข็งแกร่งของนํ้ามันดีเซลและอากาศยาน  แม้ค่าการกลั่นเฉลี่ยในปี 2568 จะอยู่ที่ 4.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 5–5.5 ดอลลาร์ต่อ บาร์เรลในปี 2569 จากส่วนต่างราคานํ้ามันดีเซลและอากาศยานที่แข็งแกร่ง

ท่ามกลางอุปทานที่ตึงตัวและการฟื้นตัวของการเดินทางทางอากาศ อุปสงค์นํ้ามันเบนซินเริ่มถึงจุดสูงสุดจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะในจีน โรงกลั่นไทยได้รับประโยชน์จากสัดส่วนการผลิตนํ้ามันดีเซลและอากาศยานที่สูง แต่เผชิญความเสี่ยงด้านการจัดหานํ้ามันดิบจากการพึ่งพาตะวันออกกลาง แนะนําโรงกลั่นไทยที่มีสัดส่วน ผลิตภัณฑ์ขั้นกลางกลั่นสูงและกลยุทธ์จัดหานํ้ามันดิบที่หลากหลาย โดยแนะนํา TOP และ BCP

ส่วนธุรกิจการตลาดนํ้ามัน การฟื้นตัวของอุปสงค์ชะลอตัว แต่ค่าการตลาดยังทรงตัว การบริโภคนํ้ามันในประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% จากช่วงเดียวกันในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 โดยนํ้ามันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 8.6% แต่ดีเซลลดลง 2.1% จากกิจกรรมเศรษฐกิจที่อ่อนแอและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น NEV คิดเป็น 43% ของการจดทะเบียนรถใหม่

แม้ปริมาณขายจะทรงตัว แต่ค่าการตลาดยังคงอยู่ที่ 2.4 บาทต่อลิตร จากราคานํ้ามันโลกที่ลดลงและฐานะกองทุนนํ้ามันที่ดีขึ้น แนะนํา OR ในฐานะบริษัทการตลาดนํ้ามันที่มีสัดส่วนธุรกิจนํ้ามันเครื่องบินสูงและสามารถรักษาค่าการตลาดได้ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ EV และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว