Talk of The Town

PTTGC ถึงรอบการฟื้นตัว? โบรกฯ คาดไตรมาส 3/68 ขาดทุนลดลง หลังไม่มีผลขาดทุนด้อยค่าจำนวนมาก


21 ตุลาคม 2568

PTTGC โบรกฯ มองผลงานไตรมาส 3/68 ขาดทุนลดลง เหลือ 3 พันล้านบาท หลังไม่มีบันทึกรายการด้อยค่า Vencorex-PTTAC จำนวน 1.9 หมื่นล้านบาท เหมือนปีก่อน 

PTTGC ถึงรอบการฟื้นตัว_S2T (เว็บ) copy_0.jpg    

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองต่อ  PTTGC ผลประกอบการไตรมาส 3/68 จะขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 3 พันล้านบาท ขาดทุนลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากไตรมาส 3/67 บันทึกรายการด้อยค่าของ Vencorex และ PTTAC ทำให้ขาดทุนสุทธิสูง 1.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่เทียบกับไตรมาส 2/68 ขาดทุนลดลง จาก 3.6 พันล้านบาท เพราะขาดทุนสต็อกน้ำมันลดลงและกำไรธุรกรรมซื้อคืนหุ้นกู้ (หลังภาษี) 520 ล้านบาท 

สำหรับไตรมาส 4/68 แม้หุ้นมีปัจจัยบวกจากการเร่งตัวของ Crack Spread น้ำมันดีเซลช่วงฤดูหนาว, ปริมาณวัตถุดิบก๊าซอีเทนเพิ่มขึ้นหลังแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซลดลง, โอกาสกลับรายการด้อยค่า Vencorex ในไทย และสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม คาดผลประกอบการยังไม่เด่น เพราะเป็นช่วงปิดซ่อมใหญ่โรงกลั่นและอะโรมาติกส์ 50-53 วัน 

ขณะที่ผลประกอบการช่วง 9 เดือนปี 68 ฟื้นตัวช้ากว่าคาด สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ต่ำกว่าคาด จึงปรับสมมติฐานส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ HDPE ปี 2568 – 2569 ลงเป็น 335-380 ดอลลาร์ต่อตัน และรวมผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน 2 พันล้านบาทเข้ามาไว้ในประมาณการ ประเมินปี 2568 – 2569 ขาดทุนสุทธิ 1 หมื่นล้านบาท และ 2.2 พันล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้ แม้อุตสาหกรรมปิโตรเคมียังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากอุปทานล้นตลาด อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้ามาตรการจัดระเบียบอุตสาหกรรมในหลายประเทศที่ทยอยเกิดขึ้น จะช่วยบรรเทาผลกระทบ โดยในสัปดาห์นี้มีปัจจัยสำคัญต้องติดตามจากการประชุม Fourth Plenum ของจีนวันที่ 20-23 ต.ค. เกี่ยวกับรายละเอียดแผนพัฒนาเศรษฐกิจจีน และมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมที่ประสบปัญหา Oversupply 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีกลยุทธ์สร้างความแข็งแกร่งจากภายใน เช่น การควบคุมค่าใช้จ่าย, ลดภาระขาดทุนจากธุรกิจที่ไม่สร้างกำไร, ลดภาระหนี้, จำหน่าย Non-core Asset, โครงการ Asset Monetization ซึ่งเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น โดยปลายเดือนก.ย. ที่ผ่านมาบริษัทจำหน่ายหุ้น 35.43% ในไทยแท้งค์เทอร์มินัล (TTT) และสินทรัพย์ท่าเรือ คลังเก็บผลิตภัณฑ์มูลค่ารวม 9.2 พันล้านบาท ช่วยสร้างกระแสเงินสด ลดภาระหนี้และคาดรับรู้กำไรพิเศษ 2.3 พันล้านบาท (ช่วงต้นปี 2569)

ดังนั้น แนะนำเก็งกำไรตามข่าวพัฒนาการเชิงบวกในอุตสาหกรรมและการทำ Asset Monetization โดยประเมินราคาเหมาะสมใหม่ 25  บาท อ้างอิง P/BV ที่ 0.5 เท่า จึงคงคำแนะนำ “TRADING” มองว่าหุ้นสามารถเก็งกำไรตามข่าวความคืบหน้าปรับลดกำลังผลิต และโครงการ Asset Monetization เพิ่มเติมในอนาคต