Talk of The Town

เปิดรายชื่อ 8 หุ้นเสี่ยง! เจอสินค้าจีนแย่งชิงตลาด


16 ตุลาคม 2568

นับว่าสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนก็ได้กลับมาระอุอีกครั้ง หลังจากที่ ทรัมป์ ได้ประกาศเตรียมขึ้นภาษีสินค้านําเข้าจากจีนอีก 100% ใน 1 พ.ย.นี้ จึงถือเป็นชนวนครั้งใหม่ และแม้ว่าจะเป็นทำสงครามกันระหว่าง 2 ประเทศ แต่สำหรับไทยก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน 

เปิดรายชื่อ-8-หุ้นเสี่ยง!_S2T-(เว็บ).jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองว่า ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีนจากข่าวการขึ้นภาษีนําเข้าสินค้าจีนเพิ่มอีก 100% ของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งจะมีผลวันที่ 1  พฤศจิกายน 2568 ทําให้อัตราภาษีรวมแตะ 130% 

โดยประเมินว่า จีดีพีสหรัฐฯ อาจไม่ขยายตัวหรือหดตัวในไตรมาส 4/68 และขยายตัวเพียง 0.9% ในปี 2569 จากเดิม 1.4% ส่วนจีนแม้ได้รับแรงกระทบจากภาษี แต่ยังพยุงเศรษฐกิจด้วยมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ ทําให้จีดีพีจีนยังคงโตได้ 4.4% ในปี 2568 ก่อนชะลอลงเล็กน้อยสู่ 3.8% จากเดิมคาดที่ 4.0% ในปี 2569

ด้านเศรษฐกิจไทยคาดได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการค้าโลกและปัญหาขนถ่ายสินค้าซึ่งอาจทําให้สินค้าจีนที่ผ่านไทยถูกตรวจเข้มขึ้น ประเมินจีดีพีไทยปี 2568 จะยังคงขยายตัว 1.8% และมีโอกาสแตะ 2% หากมาตรการ “คนละครึ่งพลัส” หนุนได้ผลเต็มที่ แต่ในปี 2569 เศรษฐกิจอาจชะลอลงเหลือ 1.2% จากคาดเดิมที่ 1.4% ซึ่งการเรียกเก็บภาษีสวมสิทธิ์สินค้าจีนจากประเทศอื่น (รวมไทย) เป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป

ดังนั้น ให้หลีกเลี่ยงกลุ่มที่มีความเสี่ยงถูกกระทบจากการเข้ามาแข่งของสินค้าจีนเพิ่มขึ้น ประกอบไปด้วย กลุ่มปิโตรเคมี (IVL และ PTTGC) โดยมุมมองผลกระทบต่อผลประกอบการ สินค้าจากจีนที่ไม่สามารถส่งเข้าไปสหรัฐฯ จะเข้ามาแข่งในประเทศในเอเชียมากขึ้น ขณะที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า เนื่องจากกําลัง การผลิตใหม่

กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA, HANA และ KCE) โดยมุมมองผลกระทบต่อผลประกอบการระยะสั้นคาดว่าจะมีสินค้าที่ผลิตเหมือน หรือใกล้เคียงกับไทย หรือว่าในลักษณะวัตถุดิบกึ่งสําเร็จรูป ทะลักมาจากจีน เพื่อติดฉลาก ใหม่และส่งออกต่อไปสหรัฐ อาทิ Power supply transformer inverter (สินค้า DELTA) เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี 

รวมถึง PCB (KCE) และ PCBA (HANA) ที่จีนมีกําลังการผลิตส่วนเกินมาก หากส่งไปสหรัฐฯไม่ได้ก็จะส่งมาขายกดราคาที่ยุโรปและอาเซียนแทน รวมถึง ในระยะกลางหากจีนมาตั้งโรงงานในไทยมากขึ้นจะกระทบในแง่คู่แข่งที่จะเพิ่มขึ้น หากเกณฑ์ Transshipment ยังไม่ชัดเจน 

กลุ่มยานยนต์ (AH, SAT และ STANLY) มุมมองผลกระทบต่อผลประกอบการสินค้าประเภทรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องหาตลาดอื่นในการระบายสินค้าอาจรวมประเทศไทย ซึ่งจะสร้างผลกระทบเชิงลบต่อตลาดรถยนต์ในประเทศในแง่ของการแข่งขันราคาและราคารถมือสอง ตลอดจนถึงการผลิตรถยนต์รวม โดยหุ้นกลุ่มยานยนต์มีลูกค้าหลักคือค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น

เปิดรายชื่อ-8-หุ้นเสี่ยง!.jpg