รายงานพิเศษ : SFLEX เดินหน้ากลยุทธ์บริหารต้นทุน พลังงานสีเขียว-ลงทุนเครื่องจักร สร้างโอกาสเติบโตในอนาคต
มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล หนุนการเติบโตของธุรกิจค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค ส่งผลดีต่อเนื่องถึงบรรจุภัณฑ์ของ บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ให้เติบโตต่อเนื่อง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ โดยระบุว่า หนึ่งในนโยบายเศรษฐกิจระยะสั้น (Quick Big Win) อย่างมาตรการคนละครึ่งพลัส & เติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เบื้องต้นมีวงเงินราว 66,000 ล้านบาท (การให้เงินประชาชนที่อยู่ในฐานระบบภาษี 9 ล้านคน นอกระบบภาษี 11 ล้านคน และการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13 ล้านคน)
ซึ่งจะใช้ได้ในช่วงวันที่ 29 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2568 น่าจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพของผู้บริโภค และกระตุ้นการใช้จ่ายของธุรกิจค้าปลีกเอสเอ็มอีได้บ้าง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคาดการณ์ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาจหนุนการใช้จ่ายของธุรกิจค้าปลีกในช่วงไตรมาส 4 ปี 2568 เพิ่มขึ้น 0.3% ผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งคนละครึ่งพลัส & เติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อาจส่งผลให้ยอดขายค้าปลีกในช่วงไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นจากเดิมราว 0.3% และภาพรวมทั้งปี 2568 โต 3.1% ขยับขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะโต 2.8%
โดยประเมินจากการใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคบนฐานธุรกิจค้าปลีกที่น่าจะเพิ่มราว 0.3 บาท หากผู้บริโภคมีรายได้เพิ่มขึ้น 1 บาท (Marginal propensity to consume: MPC) และภายใต้สมมติฐานการใช้จ่ายของผู้บริโภคเกิดขึ้นภายในในช่วงวันที่ 29 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2568 และมีกรอบวงเงินอยู่ที่ราว 66,000 ล้านบาท
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ยอดขายค้าปลีกเพิ่มขึ้นจำกัด เพราะเป็นการนำเงินที่ได้จากภาครัฐมาใช้จ่ายแทนเงินในส่วนของตัวเอง ยอดขายค้าปลีกในช่วงไตรมาสสุดท้ายมักเร่งขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล ผู้บริโภควางแผนใช้จ่ายช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลคริสต์มาส – ปีใหม่อยู่แล้ว แม้ไม่มีมาตรการฯ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น อาหาร เครื่องดื่มและของใช้ส่วนตัว ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายกว่า 80% ของยอดขายค้าปลีกทั้งหมด แต่ผลของมาตรการอาจทำให้ผู้บริโภคมีการทยอยซื้อสินค้าดังกล่าวแทนเงินของตัวเอง ขณะที่ภาระและค่าครองชีพยังสูง ดังนั้นแรงหนุนส่วนเพิ่มจากมาตรการคงไม่มากเท่าที่คาดหวัง
ในภาวะที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ การกระตุ้นการใช้จ่ายการบริโภคในประเทศของรัฐบาล ย่อมกระตุ้นการซื้อสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันให้เติบโตมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อ บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (Made to Order) โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ประเภทม้วน (Roll Form) และบรรจุภัณฑ์ประเภทซอง (Pre Form Pouch)
ซึ่งดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SFLEX ระบุถึงกลยุทธ์ครึ่งปีหลังที่จะใช้รองรับกำลังซื้อที่มีมากขึ้น ว่า บริษัทฯยังคงเดินหน้าบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ด้วยการติดตั้ง Solar Rooftop ขนาด 0.99 เมกะวัตต์ และลงทุนเพิ่มอีก 1.5 เมกะวัตต์ คาดเริ่มจ่ายไฟฟ้าในไตรมาส 3/2568 มีการลงทุนในเครื่องจักร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ขยายการรองรับการผลิตที่ซับซ้อนขึ้น รวมทั้งมีการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อรองรับการผลิตที่สามารถสินค้าที่สามารถ recycle และย่อยสลายได้
นอกจากนี้ SFLEX ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลธุรกิจต้นน้ำ หลายประเภท เพื่อสามารถควบคุมกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้ความสำคัญทั้งด้านการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี รวมถึง Strategic Partner ซึ่งอาจนำไปสู่การร่วมทุน (Joint Venture) เพื่อเสริมศักยภาพทางธุรกิจ รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน (Sustainability) และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ สร้างโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต